สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบอย่างหนักทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ ทำให้มนุษย์เราต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อป้องกันการสุ่มเสี่ยงจากการติดเชื้อ
สำหรับธุรกิจสีทาอาคารเองหนีไม่พ้นกับผลกระทบวิกฤติที่เกิดขึ้น ผลพวงจากโครงการก่อสร้าง ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูงที่ชะลอการก่อสร้าง รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ โรงแรม ร้านค้า สถานบันเทิง งานอีเวนต์ ซึ่งเป็นอีกกลุ่มที่ใช้งานสีทาอาคารก็ได้รับผลกระทบ เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จากปรับตัวทำงานที่บ้าน และเรียนออนไลน์ ทำให้ผู้คนอยู่บ้านมากขึ้นจึงใช้จังหวะนี้ปรับปรุงบ้านให้มีบรรยากาศน่าอยู่ น่าพักอาศัยมากขึ้น ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวโรงแรม ร้านอาหารที่ปิดตัวลงได้ในช่วงนี้ปรับปรุงซ่อมแซมพื้นที่ของธุรกิจให้ดีขึ้น เพื่อรองรับการเปิดตัวของตลาดหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง นี่เป็นส่วนสำคัญที่ยังช่วยประคองตลาดสีทาอาคารไว้ได้ในช่วงปีที่ผ่านมา
ภายหลังการปลดล็อกดาวน์และผู้คนเริ่มกลับไปใช้ชีวิตปกติ กลับไปทำงานที่สำนักงานมากขึ้น กลุ่มทีโอเอ (TOA) ผู้นำในธุรกิจสีและวัสดุก่อสร้าง จึงได้รุกตลาดด้วยการแนะนำตัวสีทาภายในอาคาร TOA Organic Care นวัตกรรมเทคโนโลยีสี Bio-Based ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ เป็นมิตรต่อการใช้และสิ่งแวดล้อม
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA กล่าวว่า ทีโอเอได้แนะนำนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความปลอดภัยภายในบ้าน และความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้เช่นกันนับว่า รายแรกและรายเดียวในไทยที่ผ่านการรับรองมาตร ฐาน USDA จากสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ร่วมกับบริษัทเคมีชั้นนำระดับโลก ด้วยการนำเอาส่วนประกอบจากพืชมาพัฒนาเพื่อใช้ทดแทนวัตถุดิบจากปิโตร เคมี โดยยังให้คุณภาพความคงทนของฟิล์มสีที่ยอดเยี่ยม ให้คุณสมบัติด้านความปลอดภัย กลิ่นอ่อนมาก สารระเหย VOCs 0% ไร้สารก่อภูมิแพ้จึงปลอดภัยต่อทุกชีวิตในบ้านและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังให้คุณภาพความทนทานและการเช็ดล้างที่ยอดเยี่ยม
สำหรับแคมเปญการตลาด ได้ “หมอโอ๊ค” สมิทธิ์ อารยะสกุล มาเป็นพรีเซนเตอร์ของ TOA Organic Care โดยหมอโอ๊คถือว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านสุขภาพ และยังเป็นตัวแทนของครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจต่อคุณภาพชีวิตของทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นคอนเซปต์เดียวกันกับสินค้าและแบรนด์ทีโอเอ นอกจากนี้ หมอโอ๊คยังได้ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวความปลอดภัยต่อชีวิตและการอยู่อาศัยภายในบ้าน ผ่านภาพยนตร์โฆษณา ชุด “Organic Living, Organic Care” เพื่อชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่แค่อาหารหรือข้าวของเครื่องใช้รอบตัวเท่านั้นที่เราเลือกได้เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ แต่การอยู่อาศัยภายในบ้าน เราก็เลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพได้เช่นกัน
นายจตุภัทร์กล่าวว่า ทิศทางของตลาดสีทาอาคารจะเติบโตประมาณ 5–7% จากมูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท โดยทีโอเอตั้งเป้าเติบโตอย่างน้อย 10% หากสถานการณ์โควิดมีความคลี่คลายลง และเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับการเปิดประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคธุรกิจ รวมทั้งปัจจัยบวกจากการลงทุนของภาครัฐ จะมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้าที่จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมา จะทำให้ปี 2565 จะเป็นปีที่ดีสำหรับธุรกิจสีทาอาคารและวัสดุก่อสร้าง
สำหรับสถานการณ์แข่งขันในตลาดที่รุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา แต่จากความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทางทีโอเอมองว่า นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องเป็นการตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี และล่าสุด TOA Organic Care นวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความปลอดภัยภายในบ้านและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งการรุกบริการที่จะครอบคลุมมากขึ้นและสินค้าใหม่ๆในกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะเข้ามาเติมพอร์ตและเป็นปัจจัย มั่นใจว่าปีหน้าที่จะมาถึงจะเป็นปีทองของทีโอเออีกครั้ง.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th