สัมมากร ร่วมลงทุน แอสเซท โปร ทำบ้านหรูเริ่ม 30 ล้าน เจาะ Niche Market

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สัมมากร ร่วมลงทุน แอสเซท โปร ทำบ้านหรูเริ่ม 30 ล้าน เจาะ Niche Market

Date Time: 5 ต.ค. 2564 10:00 น.

Video

คนไทยจ่ายภาษีน้อย มนุษย์เงินเดือนรับจบ ปัญหาอยู่ที่ระบบหรือคนกันแน่ ? | Money Issue

Summary

  • สัมมากร ร่วมลงทุน แอสเซท โปร ทำบ้านหรูเริ่ม 30 ล้าน เจาะ Niche Market ดึง ป๊อด โมเดิร์นด็อก เป็น Brand Iconic ดึงเรียลดีมานด์กลุ่มคนรุ่นใหม่

Latest


สัมมากร ร่วมลงทุน แอสเซท โปร ทำบ้านหรูเริ่ม 30 ล้าน เจาะ Niche Market ดึง ป๊อด โมเดิร์นด็อก เป็น Brand Iconic ดึงเรียลดีมานด์กลุ่มคนรุ่นใหม่

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 64 ที่ผ่านมา นายณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) หรือ SAMCO กล่าวว่า ช่วงการระบาดของโควิด-19 เราได้ติดตามและประเมินผลกระทบต่างๆ เพื่อปรับแผนการดำเนินงานให้ทันต่อสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ที่บริษัทมีการเติบโตไปในทิศทางบวก และยังคงมีเรียลดีมานด์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ 6 เดือนแรกปี 64 มีรายได้รวมอยู่ที่ 716.39 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 6.52% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 63 ที่มีรายได้รวมจำนวน 672.52 ล้านบาท และตลอดปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,701.50 ล้านบาท

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าตอนนี้ตลาดมีการแข่งขันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์ที่มีปัจจัยลบเข้ามาส่งผลกระทบ ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการต่างต้องหาวิธีเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของตนเองให้ยังดำเนินต่อไป สัมมากรก็เช่นเดียวกันที่ผ่านมาเรามีการปรับตัวอยู่เสมอ

โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาระบบภายในเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและเท่าทันต่อความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านการพัฒนาโครงการและการทำแคมเปญตลาด ทั้งนี้จากการสำรวจความต้องการปัจจุบันเราเล็งเห็นว่าในบางเซกเมนต์ยังคงมีดีมานด์อยู่อย่างต่อเนื่อง

จากประสบการณ์มาตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีของสัมมากร เรามีความพร้อมและมั่นใจในศักยภาพรอบด้านในการพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกเซกเมนต์ และโอกาสนี้เพื่อขยายฐานตลาดสู่กลุ่มลูกค้าระดับบน

บริษัทฯ ได้จับมือกับ แอสเซท โปร พัฒนาโครงการ PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ 3 ชั้น บนทำเลเอกมัย-รามอินทรา มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการคิกออฟรุกตลาดบ้านหรูครั้งแรก ด้วยราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท

นายณพน กล่าวอีกว่า เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ เราได้เชิญ ป๊อด โมเดิร์นด็อก มาเป็น Brand Iconic ของโครงการฯ ด้วยบุคลิกที่มีความเป็นตัวเองสูง มีความเป็นศิลปิน อีกทั้งเป็นนักสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นเสมอ ซึ่งตรงกับคอนเซปต์ของโครงการฯ อีกด้วย 

นายกล้ายุทธ จินตนะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ สัมมากร พัฒนาโครงการ PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra นับเป็นการขยายตลาดมาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของเรา

โดยสัดส่วนการลงทุนจะอยู่ที่ สัมมากร 51% และแอสเซท โปร 49% โดยเราเชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์การดูแลลูกค้าระดับ พรีเมียมและกลุ่มนิชมาร์เก็ตของเรา ผนวกกับความเชี่ยวชาญของทีมงานสัมมากรในด้านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง จะสร้างความต่างที่ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มเป้าหมายที่พวกเราวางไว้ รวมถึงสามารถสร้างความพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้ และส่งผลให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

สำหรับ PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra ถูกพัฒนาภายใต้คอนเซปต์ Defining Me เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ใส่ใจและให้ความสำคัญกับความเป็นตัวเอง สนุกสนานกับทุกสิ่งที่ทำ เปรียบเหมือนจิตรกรที่กำลังแต่งแต้มผลงานมาสเตอร์พีซบนผืนผ้าใบ ด้วยรูปแบบดีไซน์ Bauhaus ผสมผสานระหว่างฟังก์ชันที่ทันสมัยกับความสวยงามของศิลปะ สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมของผู้พักอาศัยที่ต้องการความต่างอย่างลงตัว

โดยเน้นเจาะกลุ่มนิชมาร์เก็ตคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นคนโสดหรือกำลังเริ่มสร้างครอบครัว พิเศษด้วยความเป็นส่วนตัวที่มีเพียง 12 หลังเท่านั้น บนไพร์มโลเคชั่นโซนเอกมัย-รามอินทรา ศูนย์กลางแห่งการใช้ชีวิตครบทุกด้าน ตัวโครงการฯ ตั้งอยู่บนที่ดิน 3-1-6.2 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท มีขนาดตั้งแต่ 64.5 - 100.4 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 428 - 712 ตารางเมตรพร้อมลิฟต์และสระว่ายน้ำส่วนตัว อีกทั้งยังมีคลับเฮาส์และฟิตเนส

ยอดขายบ้านเดี่ยว บ้านหรูไม่กระทบแม้มีโควิด

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CBRE กล่าวว่า จากการระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจและมีผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมที่ชะลอตัว แต่ตลาดบ้านเดี่ยวถือว่าเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดคอนโดมิเนียม เพราะเป็นตลาดของผู้อยู่อาศัยเอง หรือ End User เป็นหลัก

ทั้งนี้ ตลาดบ้านเดี่ยว โดยเฉพาะระดับลักชัวรี่ที่มีราคาตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไปยังค่อนข้างคึกคัก มีการเปิดตัวสูงถึง 439 หลังในปี 2563 และมียอดขายอยู่ในเกณฑ์คงที่ประมาณ 60–68% ปัจจัยสำคัญเพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนเห็นความสำคัญของบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่และฟังก์ชันการใช้งาน ทำเลที่ได้รับความนิยมมากอันดับต้นๆ คือ กรุงเทพฯ ชั้นในฝั่งตะวันออกและตอนเหนือ โดยทำเลกรุงเทพฯ ชั้นในฝั่งตะวันออกมีโครงการมากสุดถึง 1,073 หลัง

ส่วนฝั่งเหนือ มีซัพพลายน้อยกว่าด้วยข้อจำกัดของที่ดิน ทำให้มีอัตราการดูดซับดีที่สุดและมียอดขายไปแล้ว 87% ในด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคเนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันส่งผลลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญเรื่องพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันต่างๆ ที่ต้องสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับกิจกรรมที่หลากหลาย มีพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ภายในบ้าน มีการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก

เช่น ERV (Energy Recovery Ventilator) เครื่องแลกเปลี่ยนอากาศ ที่ช่วยดูดความร้อนออกจากบ้านและเติมความเย็นเข้าไปในตัวบ้านทำให้บ้านเย็น เป็นต้น และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องทำเล ลูกค้ากลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมรอบโซนที่อยู่อาศัย เน้นใกล้เมืองที่สามารถเดินทางเข้าออกได้ หลายทาง เชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆ ได้ง่าย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นต้น.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ