กรรมการการแข่งขันทางการค้าเตือนอย่าทำ 3 พฤติกรรม “ฮ้ัว”

นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยว่า ขอแจ้งเตือนผู้ประกอบธุรกิจระมัดระวังการทำธุรกิจที่อาจเข้าข่ายเป็นการ “ฮั้ว” หรือร่วมกันทำธุรกิจโดยมีพฤติกรรมจำกัดการแข่งขันแบบไม่รู้ตัว ซึ่งจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 มาตรา 55 หรือการฮั้วแบบไม่ร้ายแรง ที่ได้กำหนดไว้ 3 พฤติกรรม ได้แก่ 1.การร่วมกันลดคุณภาพของสินค้าหรือบริการให้ต่ำกว่าที่เคยผลิต จำหน่าย หรือให้บริการ 2.แต่งตั้งหรือมอบให้บุคคลใดแต่ผู้เดียวเป็นผู้จำหน่ายสินค้าหรือให้บริการอย่างเดียวกันหรือประเภทเดียวกัน 3.ร่วมกันกำหนดเงื่อนไขเช่น การซื้อหรือจำหน่ายสินค้าหรือการบริการเพื่อให้ปฏิบัติตามที่ตกลงกัน และหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งแม้พฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดการผูกขาด หรือเสียหายต่อการแข่งขันทางการค้า แต่อาจมีความผิดตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้าได้

“พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าแบ่งการทำธุรกิจที่เข้าข่ายการฮั้วเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกเป็นการฮั้วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 54 ที่เป็นการกระทำร่วมกันระหว่างผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นคู่แข่งตลาดเดียวกัน เช่น บริษัท ก และบริษัท ข เป็นผู้ผลิตสินค้าแบบเดียวกัน ต่อมา 2 บริษัทได้ทำข้อตกลงการฮั้ว ด้วยการกำหนดราคาขายเดียวกัน หรือเงื่อนไขการชำระเงิน การรับประกันแบบเดียวกัน, การฮั้วเพื่อจำกัดปริมาณ ด้วยการร่วมกันกำหนดปริมาณการผลิต และซื้อ, การฮั้วประมูล โดยกำหนดเงื่อนไขล็อกสเปก ไม่ให้ฝ่ายอื่นมาแข่งขันได้ หรือการฮั้วแบ่งตลาด เช่น ร่วมกันแบ่งพื้นที่ทำธุรกิจ เพื่อไม่ต้องแข่งขันกันเอง ส่วนอีกประเภทเป็นการฮั้วอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 55”

สำหรับบทลงโทษกรณีเป็นการฮั้วแบบรุนแรง มีโทษอาญา จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนฮั้วแบบไม่ร้ายแรง มีโทษทางปกครอง คือ ปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด เป็นต้น นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ โฆษก กขค. กล่าวว่า กขค.ได้รับเรื่องร้องเรียนการฮั้วมาพิจารณาแล้ว 3-4 เรื่อง เช่น ร้องเรียนเกี่ยวกับการฮั้วธุรกิจน้ำแข็ง โรงน้ำแข็ง ที่มีการจัดตั้งเป็นชมรม เพื่อกำหนดราคาสินค้าร่วมกัน มีการแบ่งเขตแบ่งพื้นที่การขาย ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม และได้ตัดสินให้มีความผิด และลงโทษปรับแล้ว.