เซ็นทรัล เรสตอรองส์ เก็บ Data พบ 90% ลูกค้าชอบสั่งอาหารออนไลน์ ส่งแบรนด์อาหารไทย-จีน ลุยตอบโจทย์ด้วยความต่างทั้ง โปรโมชั่น ราคา ภาพลักษณ์ของสินค้าให้เข้าถึงลูกค้ามากที่สุด
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 64 นายธนพล ธรรพสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่ม Thai & Chinese Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ขยายแบรนด์อาหารกลุ่มธุรกิจ Thai & Chinese Cuisine ได้แก่ ไทยเทอเรส อร่อยดี เกาลูน ส้มตำนัว
โดยภาพรวมยังต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบของการระบาดโควิด-19 ที่มีผลให้สภาพแวดล้อมธุรกิจร้านอาหารต้องปรับตัวเพื่อรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ทั้งจากมาตรการการควบคุมการระบาดของภาครัฐ และกำลังซื้อของผู้บริโภคซึ่งก็ได้รับผลจากการปรับตัวของการจ้างงานเช่นเดียวกัน โดยรวมแล้วคาดการณ์ว่า ธุรกิจร้านอาหารที่มีมูลค่าประมาณ 4 แสนล้านบาท จะขยายตัวเพียง 1.4-2.6%
จากปัจจัยที่มีผลกระทบกับธุรกิจอาหารในภาพรวมนำมาสู่การปรับตัวของภาคธุรกิจเพื่อให้เกิดการแข่งขันได้ โดยในส่วนของ CRG ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างของการบริหาร และปฏิบัติงาน มุ่งเน้นในการบริหารจัดการในแต่ระบบให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้
1. แผนการบริหารจัดการต้นทุน มุ่งเน้นบริหารจัดการ อาทิ พัฒนาทักษะพนักงานโดยดึงศักยภาพของพนักงานให้สามารถทำได้หลายหน้าที่, วัตถุดิบ มีการบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมการสูญเสีย รวมไปถึงการจัดหาพื้นที่ทำเดลิเวอรี่ และการเจรจาค่าเช่าที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจัดการต้นทุนและการดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
2. ปรับกลยุทธ์การตลาด เพื่อให้แบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภค ทุกคนล้วนมีประสบการณ์เคยสั่งอาหารจากร้านมาทาน รู้สึกประทับใจ ผูกพัน เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน โดยทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งเน้นหนักให้ขับเคลื่อนด้วยดาต้า ซึ่งลูกค้าที่สั่งออนไลน์อาหารมีมากกว่า 90% ทั้งช่องทาง Google trend, Tiktok, Twitter เป็นต้น
3. เลือกใช้ผู้นำเทรนด์ เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคคนรุ่นใหม่ รับรู้จากสื่อออนไลน์ ดังนั้นการสื่อสารเมนูใหม่ๆ ผ่าน KOLs, Food Influencer มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคคนรุ่นใหม่
4. โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย แบรนด์ TCC เน้นเรื่องความแตกต่าง โปรโมชั่น ราคา และภาพลักษณ์ของสินค้า เข้าถึงลูกค้ามากที่สุด
โดยผลการดำเนินงานของ Thai & Chinese Cuisine ครึ่งปีแรกของปี 64 ภาพรวมเติบโตขึ้น 10% จากตัวเลขรายได้ในปี 63 อยู่ที่ประมาณ 270 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตมาจากการพัฒนาโมเดลใหม่เพิ่มเติม รวมถึงการขยายสาขา
ส่วนพื้นที่ร้านและทำเลที่ตั้ง ก็ได้ปรับเพื่อให้เหมาะกับสัดส่วนการขายและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งในภาพรวม มีการแบ่งสัดส่วนช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งช่องทาง การนั่งทานที่ร้านและซื้อกลับบ้าน หรือ Dine In Take away และรูปแบบเดลิเวอรี่ หากเปรียบเทียบสัดส่วนการนั่งทานที่ร้านและซื้อกลับบ้าน ปี 64 ปรับลดสัดส่วนลงมาที่ 60 % จากเดิมที่มีสัดส่วน 70 % ในปี 63 และรูปแบบเดลิเวอรี่ ปี 64 มีสัดส่วนที่ 40 % ในขณะที่ปี 63 มีสัดส่วน 30 %
ทั้งนี้ ภาพรวมของการขาย บริษัทฯ ปรับเปลี่ยนรูปแบบของสาขาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของภาพรวมธุรกิจอาหาร การควบคุมการระบาดโควิด-19 และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้เวลาทำงานและอยู่ที่บ้านมากกว่า
สำหรับจำนวนสาขา ปัจจุบันมี 67 สาขา ทุกสาขาตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แบ่งเป็น แบรนด์ไทยเทอเรส มีจำนวน 17 สาขา อร่อยดี 33 สาขา เกาลูน 10 สาขา ส้มตำนัว 7 สาขา นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ โตเกียว โบวล์ (Tokyo Bowl) ซึ่งเป็น Virtual Brand จำนวน 50 สาขา
นายธนพล กล่าวต่อว่า ธุรกิจร้านอาหารรูปแบบเดลิเวอรี่จะเติบโตมากเป็นเท่าตัว มีปัจจัยหลักมาจากการปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ นอกจากนี้เพิ่มพื้นที่ Cloud Kitchen รองรับการขายเดลิเวอรี่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง รวมถึงพัฒนากลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้า หรือ Data - Driven Everything ทางหน้าร้านและเพิ่มความสามารถทางออนไลน์ที่มีสัดส่วนมากกว่า 90% เช่น Google trend, Tiktok, twitter เป็นต้น โดยครึ่งปี 64 ช่วงหลัง จะขยายฐานลูกค้าให้หลากหลาย โดยเน้นขายช่องทางเดลิเวอรี่เป็นหลัก