จีนเรียกร้องประเทศในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางกระชับสัมพันธ์ทางการค้ากระตุ้นธุรกิจ ขณะที่ต่างชาติตั้งข้อสังเกตโครงการดังกล่าวเอื้อประโยชน์จีนฝ่ายเดียว
สำนักข่าว ซินหัว รายงาน นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ได้กล่าวในงาน เส้นทางสายไหม เอ็กซ์โป ที่จัดขึ้นที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี โดยเรียกร้องให้ประเทศในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางกระชับความสัมพันธ์ในการลงทุน และยึดการได้ผลประโยชน์แบบ วิน-วิน นอกจากนี้ยังควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาสีเขียวและการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่นการร่วมมือกันในการสร้างโครงสร้างสีเขียว, พลังงานสีเขียว และการเงินสีเขียว นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้เกิดการพัฒนาช่องทางในการแลกเปลี่ยน และการขนส่ง รวมไปถึงการกระชับการร่วมมือในการเชื่อมโยงทางดิจิทัล
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์แชนแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ก่อนหน้านี้ในการประชุมทางไกลของกลุ่มนักเรียนแอฟริกัน ในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการลงทุนของจีนว่า จีนนั้นได้ใช้แรงงานของจีนเอง หรือสร้างงานให้แก่ประเทศที่เข้าลงทุน ซึ่งนายบลิงเคน ต้องการชี้ให้เห็นว่า โครงการและการลงทุนของจีนในภูมิภาค ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้คนในท้องถิ่น และไม่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น
ในทางกลับกัน มีหลักฐานว่าบริษัทจีนในต่างแดนนั้น ได้เข้าสู่ท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น และเกิดการจ้างงาน, การส่งออก, งบประมาณจากภาษี รวมไปถึงการเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน บริษัทแมคคินซีย์ ได้รวบรวมข้อมูลจากบริษัทของจีนกว่า 1,000 บริษัทในแอฟริกา พบว่า 89 เปอร์เซ็นต์ ของลูกจ้างนั้นเป็นชาวแอฟริกัน ซึ่งบริษัทได้สร้างงานเพิ่มเกือบ 300,000 ตำแหน่งในแอฟริกา ส่วนทีมนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ สำรวจบริษัทของจีน 20 แห่งในไนจีเรียพบว่า 85 เปอร์เซ็นต์เป็นการจ้างงานคนท้องถิ่น
การปรับเปลี่ยนบริษัทให้สอดคล้องกับท้องถิ่นนั้นมีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ค่าจ้าง, รัฐบาลท้องถิ่น และแรงกดดันจากสังคม นอกจากนี้ปัญหาด้านภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างยังถือเป็นสิ่งสำคัญระหว่างคนท้องถิ่นและแรงงานจีน.