SCGP เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารอีก 1,838 ล้านชิ้นต่อปี รวม 2 โครงการใช้งบลงทุน 631 ล้านบาท รองรับกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารระดับโลก
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 64 นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีปัจจัยจากพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ได้แก่ การบริโภคอาหารพร้อมรับประทาน
รวมถึงการเลือกใช้บริการจัดส่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นเมกะเทรนด์ที่ส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหาร โดยคาดว่าภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทานในภูมิภาคอาเซียนในปี 2564-2567 จะมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี
ทั้งนี้ SCGP ได้ขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาด้วยฐานผลิตในประเทศไทยและมาเลเซีย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป รองรับตลาดในภูมิภาคอาเซียนและประเทศญี่ปุ่น และในมกราคมที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายการลงทุนนอกภูมิภาคอาเซียน โดยเข้าลงทุนร้อยละ 100 ใน Go-Pak UK Limited หรือ Go-Pak เพื่อเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งด้านการผลิต และสามารถขยายฐานลูกค้าทั่วโลก
ล่าสุด SCGP ได้เดินหน้าขยายการลงทุนอีก 2 โครงการเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารในระดับโลก โดยขยายกำลังการผลิตของบรรจุภัณฑ์อาหารจากกระดาษ เพิ่มขึ้น 1,615 ล้านชิ้นต่อปี ที่โรงงานจังหวัดราชบุรี และโรงงาน Binh Duong ประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้
ขณะเดียวกันได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตในธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารจากเยื่อธรรมชาติ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 223 ล้านชิ้นต่อปี ที่โรงงานจังหวัดกาญจนบุรี โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ทั้งนี้ การลงทุนขยายกำลังการผลิตทั้ง 2 โครงการด้วยเงินลงทุนทั้งสิ้น 631 ล้านบาท จะเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตเพื่อรองรับการขยายตลาดและความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ
"การขยายกำลังการผลิตนี้ จะทำให้บริษัทมีรายได้ต่อปีเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 35 จากกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งในประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และประเทศเวียดนาม รองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน"