นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ที่รุนแรงมากขึ้น จนส่งผลให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศออกมาตรการกำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกจากที่อยู่อาศัยนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสอบและติดตามสถานการณ์หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชนในช่วงที่ความต้องการเพิ่มขึ้นมากเช่นนี้
“กรมได้ประชุมร่วมกับผู้ผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิต ซึ่งพบว่าปัจจุบันยังคงมีหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า และหน้ากากทางเลือกในตลาดปริมาณมาก และ วัตถุดิบยังคงมีเพียงพอ แม้ความต้องการใช้เพิ่มขึ้นมาก แต่ผู้ผลิตบางรายยังมีวัตถุดิบและหน้ากากอนามัยพร้อมที่จะส่งมอบ ซึ่งได้สั่งการให้ผู้ผลิตแจ้งปริมาณที่พร้อมส่งมอบ หรือกำลังผลิตที่ยังคงเหลืออยู่มาที่กรมหากพื้นที่ใดมีไม่เพียงพอ จะได้ประสานจัดส่งไปเสริมได้ทันที”
นอกจากนี้ ทางกรมยังได้ขอให้ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยดำเนินการผลิตอย่างเต็มที่ และได้เน้นย้ำด้วยว่าหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุมต้องจำหน่ายตามราคาที่กำหนดไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท หากพบว่ามีการจำหน่ายเกินกว่าราคาที่กำหนดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด โดยจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกรณีที่ไม่ติดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท หากประชาชนพบเห็นการเอารัด
เอาเปรียบ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรม โทร. 1569
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจราคาในท้องตลาดในขณะนี้ ยังพบว่าราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ชิ้นละ 1.90-2.50 บาท ซึ่งยังอยู่ในราคาที่กรมการค้าภายในกำหนด.