นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ นครชิคาโก สหรัฐฯว่า ปัจจุบันตลาดน้ำพริกเผาของไทยในสหรัฐฯ มีคู่แข่งจำนวนมาก เช่น พริกผัดในน้ำมันของจีน, โกชูจังของเกาหลีใต้พริกผัดของอินเดีย เม็กซิโก มาเลเซีย เพราะคนชาติอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ นิยมบริโภคพริกเผา หรือพริกผัด โดยที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมคือพริกผัดของจีน โกชูจัง และน้ำพริก Chutney ของอินเดีย ครองตลาดอันดับ 1, 2 และ 3 ตามลำดับ ขณะที่น้ำพริกเผาไทยอยู่อันดับ 4 เพราะการบริโภคจำกัดในกลุ่มคนไทย และร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ แต่การบริโภคข้ามกลุ่มชนชาติยังอยู่ในระดับต่ำมาก
โดยแบรนด์น้ำพริกเผาไทยที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านชำ ซุปเปอร์มาร์เกต หรือทางออนไลน์ในสหรัฐฯ จำนวน 10 แบรนด์ ซึ่งพันท้ายนรสิงห์เป็นที่นิยมมากที่สุด ครองตลาดในสหรัฐฯ สัดส่วน 90% ของน้ำพริกเผาไทยทั้งหมด ส่วนอีก 10% เป็นของอีก 9 แบรนด์ที่เหลือ เช่น ไทยคิทเช่น,แม่ศรี, แม่ประนอม, เชฟชอยส์, อร่อยดี, นิตยา, แม่อนงค์ เป็นต้น โดยในปี 63 สหรัฐฯนำเข้าน้ำพริกเผาจากไทย ประมาณ 3.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สคต.ชิคาโก เสนอว่า ผู้บริโภคอเมริกันรุ่นใหม่ชื่นชอบรสชาติเผ็ด จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะผลักดันการส่งออกน้ำพริกเผาไปทำตลาดสหรัฐฯให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายเป็น “เครื่องปรุงรสรสชาติร้อนแรง” รายการต่อไปในตลาดสหรัฐฯ และจะต้องวางกลยุทธ์ด้วยว่าจะขายในตลาดใด และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มใด รวมทั้งต้องสร้างความหลากหลายในการนำน้ำพริกเผาไทยไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับอาหารตะวันตก เช่น บาร์บีคิว พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ หรือหมักเนื้อชนิดต่างๆ ปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมต่อการใช้ ซึ่งจะทำให้น้ำพริกเผาไทยมีโอกาสมากขึ้น.