เอกชนยอมรับกังวลผลกระทบโควิดรอบ 3 กกร.ประเมินตัวเลขใหม่

สทท.กังวลโควิดระบาดอีกรอบ ขอให้ผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ร้านค้า หรือสถานที่ท่องเที่ยวการ์ดอย่าตก สงกรานต์ ยังเที่ยวได้แต่ต้องระวังมากกว่าเดิม กกร.เลื่อนแผนหารือเป็นวันที่ 21 เม.ย. เตรียมประเมินตัวเลขเศรษฐกิจใหม่

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า เอกชนในภาคการท่องเที่ยวกังวลกับสถานการณ์การกลับมาระบาดของเชื้อไวรัสโควิดใหม่อีกครั้งในหลายๆ พื้นที่ แต่มองในแง่ดีว่า สถานการณ์อาจจะไม่รุนแรงเหมือนตอนเกิดขึ้นเมื่อปีก่อน ขอให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้า หรือสถานที่ท่องเที่ยวการ์ดอย่าตก เพราะไม่อยากให้เป็นต้นเหตุ หรือกลายมาเป็นพาหะของการแพร่ระบาดจนทำให้อีกหลายๆคนต้องได้รับผลกระทบตามมาด้วย

ส่วนบรรยากาศการท่องเที่ยวตอนนี้ เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็น่าจะเป็นแค่ระยะสั้นๆ เพราะมาตรการหลายอย่างที่มีก็สามารถรองรับการระบาดได้ โดยตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่ามีคนยกเลิกการเดินทางช่วงสงกรานต์ หรือชะลอการเดินทาง เพราะตอนนี้ทุกคนคงรอดูสถานการณ์กันอยู่

“สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ และอยากฝากประชาชนทุกคนว่าขอให้การ์ดอย่าตก ใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ล้างมือ รวมทั้งปฏิบัติตัวตามที่สาธารณสุขเคยบอกไว้ หลายๆพื้นที่ก็ยังสามารถเดินทางได้ โดยในช่วงสงกรานต์นี้ก็ยังสามารถเดินทางไปที่ต่างๆได้ โดยขอให้ระมัดระวังเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ช่วยกันคนละไม้คนละมือ อะไรที่เสี่ยงเกินไป ตรงไหนเห็นว่าไม่มั่นใจก็ช่วยกันสอดส่องดูแล”

ด้านนายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับว่าภาคเอกชน มีความกังวลสูงต่อการแพร่ระบาดครั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มผู้ที่มีชื่อเสียง โอกาสใกล้ชิดประชาชนค่อนข้างมากวอนขอให้รัฐบาลเร่งควบคุมการแพร่ระบาดให้มีวงจำกัด รวมถึงบริหารจัดการกระจายการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด

สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันได้เตรียมประชุมหารือกันอีกครั้งในวันที่ 21 เม.ย.นี้ หลังจากที่เลื่อนจากวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาด โดยคาดว่าจะหารือภาพรวมเศรษฐกิจ ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดรอบใหม่อย่างไรบ้าง และจะมีการปรับประมาณการภาวะเศรษฐกิจอีกครั้ง

“ยอมรับว่า บรรยากาศช่วงเทศกาลสงกรานต์ อาจจะเงียบเหงา มีการยกเลิกกิจกรรมของรัฐบาล ทั้งหมด ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้อาจไม่สดใสนัก โดยก่อนหน้านี้ กกร.ได้คาดการณ์ว่า ภาพรวมอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ 1.5-3.5%”

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท.มีความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าไทยยังมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพียง 300,000 โดสเท่านั้น ยังถือว่าเป็นอัตราที่น้อยมากหากเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศ ดังนั้นกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่สีแดงจึงต้องเข้มงวดเป็นพิเศษในการป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งหากละเลยไม่ทำตามที่รัฐและแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด การแพร่ระบาดจะรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านๆมา อาจนำไปสู่การล็อกดาวน์พื้นที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจที่กำลังจะฟื้นตัว และภาพเดิมๆในอดีตก็อาจจะกลับมาที่ธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) จะยิ่งประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องหนัก

สำหรับภาระการคลังของประเทศไทย จากการระบาดรอบที่ผ่านๆมาที่ทำให้ต้องกู้เงินมาอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก ก็จะยิ่งทำให้รัฐบาลต้องหามาตรการมาอัดฉีดเศรษฐกิจหลังจากนี้เพิ่มขึ้นไปอีก ขณะที่การจัดเก็บรายได้รัฐบาลก็ไม่เข้าเป้าหมายมากขึ้นกว่าเดิม.

เปรียบเทียบราคาทุกร้าน >>> คลิกที่นี่