นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยในโอกาสจัดตั้งบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นที (NT) ที่เกิดจากการควบรวมของบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ไปเมื่อวันที่ 7 ม.ค.64 ว่า ได้มอบนโยบายและตั้งเป้าหมายให้เอ็นทีก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมให้ได้ ทั้งในแง่จำนวนลูกค้าและรายได้ โดยมองว่าเอ็นทีมีจุดแข็งอยู่ที่การควบรวมกันของ 2 รัฐวิสาหกิจ ที่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายโทรคมนาคมที่ครบครันและยังมีโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าภาครัฐมากกว่าผู้ให้บริการรายอื่น “นับจากวันนี้ที่การจดทะเบียนบริษัทใหม่เสร็จสิ้นลง ทีโอทีและกสท จะไม่มีอีกแล้ว พนักงานกว่า 15,000 คนจะเป็นคนเอ็นทีทั้งหมด คาดว่าการควบรวมจะใช้เวลา 2 ปี และเอ็นทีน่าจะทำกำไรได้ในปีแรก ยกเว้นว่าจะมีต้นทุนเพิ่มจากการเปิดโครงการเออร์ลี่รีไทร์ ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบอร์ด”
นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า เอ็นทียังต้องการเป็นตัวเลือกให้ประชาชนในฐานะบริการโทรคมนาคมที่มีคุณภาพและราคาคุ้มค่า ได้แก่ บริการมือถือในนามเอ็นทีโมบาย อินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ท่อร้อยสายใต้ดิน และเคเบิลใต้น้ำ เป็นต้น โดยเฉพาะบริการเทคโนโลยี 5 จี ซึ่งเอ็นทีสามารถกำหนดจุดแข่งขันในฐานะหน่วยงานถ่ายโอนและเก็บข้อมูล สำหรับหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดทั่วประเทศ โดยหน่วยงานรัฐน่าจะเป็นลูกค้าที่สร้างความมั่นคงและเป็นตลาดหลักของเอ็นทีได้ นอกจากนี้ ยังมองว่าเอ็นทีน่าจะสามารถเดินหน้าสู่การให้บริการดาวเทียม ซึ่งจะมีการเปิดประมูลภายในปีนี้ เนื่องด้วยมีความมั่นใจว่าจะเป็นธุรกิจที่ดีในอนาคต ทั้งนี้ ภายใต้ทุนจดทะเบียน 16,000 ล้านบาท เอ็นที มี ม.ล.ชโยทิต กฤดากร เป็นประธานบอร์ด และนาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยนาวาอากาศเอกสมศักดิ์กล่าวว่า ลูกค้าของทีโอทีและ กสท จะได้รับบริการเช่นเดิมในนามบริษัทเอ็นที.