นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยกรณีที่มีข่าวร้านค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อบางรายจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ในราคาสูงกว่าที่รัฐบาลกำหนดชิ้นละ 2.50 บาท ว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นหน้ากากที่ใช้สำหรับการป้องกันฝุ่นละอองเกสร ไม่ได้สำแดงเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ไม่ได้ขึ้นทะเบียนและไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ จึงไม่อยู่ภายใต้ราคาควบคุมชิ้นละไม่เกิน 2.50 บาท แต่จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ใช้สำหรับหน้ากากที่ไม่ใช่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และหน้ากากนำเข้า ซึ่งคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้กำหนดราคาขาย โดยให้บวกค่าใช้จ่ายเพิ่มได้ไม่เกิน 60% ของต้นทุนหรือราคานำเข้า
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบผู้ผลิตและผู้ขายสินค้าดังกล่าว ได้แจ้งให้กรมทราบ และกำหนดราคาสูงสุดตามวิธีการคำนวณที่ กกร.กำหนดแล้ว และราคาขายก็ไม่เกินกว่าราคาที่กำหนด แต่กรมไม่ได้ยุติการตรวจสอบข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นเพียงเท่านี้ โดยได้ขอให้ผู้ผลิต และผู้ขายส่งข้อมูลต้นทุน พร้อมหลักฐานของราคาวัตถุดิบมาให้ตรวจสอบ เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามที่แจ้งหรือไม่ เพราะมีวัตถุดิบหลายชนิดที่ราคาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
“ถ้าพบว่า ต้นทุนที่แจ้งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง กรมจะดำเนินการตามกฎหมายอาญาในข้อหาแจ้งความเท็จ และอาจมีความผิดตา มม. 29 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนด้านราคาหรือจำหน่ายสูงเกินสมควรมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการแชร์กันในโลกออนไลน์ว่าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จำหน่ายหน้ากากอนามัยชิ้นละ 6 บาท เกินกว่าราคาควบคุมที่ชิ้นละ 2.50 บาท.