โวยร้านค้าโก่งราคาหน้ากากอนามัย ช่วงที่มีข่าวโควิด-19 ระบาดหนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ประชาชนจำนวนมากร้องเรียนว่า ร้านค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาขายหน้ากากอนามัย ในขณะนี้ ที่มีข่าวโควิด-19 ระบาดในไทยจากผู้ลักลอบเข้าเมืองที่ชายแดนแม่สาย จ.เชียงราย เพราะประชาชนเริ่มซื้อกักตุนมากขึ้น เพราะเกรงว่าอาจเกิดการระบาดรอบ 2 อีก ส่งผลให้ร้านค้าจำนวนฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชน โดยร้านค้าที่ได้รับการร้องเรียน เช่น ร้านค้าในตลาดนัดกระทรวงพาณิชย์ ปรับขึ้นราคาขายเป็นกล่องละ 50 บาท จากปกติขาย 3 กล่อง 100 บาท, ร้านค้าย่านซอยอารีย์ ส่วนร้านค้าในตลาดหลังกระทรวงการคลังปรับขึ้นเป็นกล่องละ 60-70 บาท จากเดิมกล่องละ 40 บาท, ตลาดค้าส่งย่านสำเพ็ง ปรับราคาขึ้นเป็นแพ็ค (50 ชิ้น) ละ 40-60 บาท จากปกติ 28 บาท เช่นเดียวกับผู้ค้าทางออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก มีผู้บริโภคร้องเรียนว่าปรับขึ้นราคาขายอีก 1-2 เท่าตัว จากกล่องละ 40 บาท เป็น 100 บาท เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้การปรับขึ้นราคาดังกล่าวยังไม่เกินเพดานควบคุมที่ชิ้นละ 2.5 บาท ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) และยังถูกกว่าราคาที่ขายในช่วงการระบาดรอบแรกเมื่อช่วงต้นปี แต่ประชาชนรู้สึกถูกเอาเปรียบ เพราะสัปดาห์ก่อนหน้าผู้ค้ายังขายราคาปกติ แต่หลังมีข่าวระบาดเพียงไม่กี่วันเดียว ราคาก็ขยับขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งที่เป็นสินค้าสต๊อกเก่า ไม่มีต้นทุนสูงขึ้น

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีกรมการค้าภายใน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้สั่งการให้ค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่าย และราคาหน้ากากอนามัยทั่วประเทศเป็นการด่วน และให้กำชับผู้ค้าอย่าฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชน และปรับขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุอันสมควร เพื่อเป็นการดูแลผู้บริโภค และสนับสนุนการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในไทย

ทั้งนี้ กกร. ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ได้ออกประกาศกำหนดราคาขายหน้ากากอนามัย ไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาทต่อชิ้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.63 หากพบว่ามีใครจำหน่ายเกินราคาที่ประกาศไว้ จะมีความผิดมีโทษปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ.