ดีลเลอร์รถยนต์หืดขึ้นคอ กรุงไทยคาดรายได้ปี 63 หดตัว 25% ใช้เวลา 2 ปีถึงฟื้น

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ดีลเลอร์รถยนต์หืดขึ้นคอ กรุงไทยคาดรายได้ปี 63 หดตัว 25% ใช้เวลา 2 ปีถึงฟื้น

Date Time: 18 ส.ค. 2563 16:25 น.

Video

เศรษฐกิจไทย เสี่ยงวิกฤติหนักแค่ไหน เมื่อต้องเปลี่ยนนายกฯ | Money Issue

Summary

  • ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทยประเมิน พิษโควิด-19 ฉุดรายได้ดีลเลอร์รถยนต์หดตัว 25% คาดต้องใช้เวลาฟื้นตัวไม่ต่ำกว่า 2 ปี ประเมินผู้ประกอบการ 1 ใน 3 มีโอกาสเผชิญหน้ากับภาวะกำไรติดลบ

Latest


ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทยประเมิน พิษโควิด-19 ฉุดรายได้ดีลเลอร์รถยนต์หดตัว 25% คาดต้องใช้เวลาฟื้นตัวไม่ต่ำกว่า 2 ปี ประเมินผู้ประกอบการ 1 ใน 3 มีโอกาสเผชิญหน้ากับภาวะกำไรติดลบ

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ของไทยในปี 2563 ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวรุนแรง (Deep Recession) ที่ 9.1%

นอกจากนี้ ปัญหาดังกล่าวยังได้ฉุดกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างมาก โดยยอดขายรถยนต์ในประเทศครึ่งแรกของปี 63 อยู่ที่ 330,000 คัน หรือหดตัวราว 37.5% ซึ่งศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 63 จะอยู่ที่ประมาณ 620,000 คัน ซึ่งหดตัวถึง 38.2% และจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่ายรถยนต์มือหนึ่ง หรือ ดีลเลอร์ ที่พึ่งพารายได้ส่วนใหญ่เกือบ 85% มาจากการขายรถยนต์

ทั้งนี้ รายได้ของธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ในภาพรวมปี 63 มีแนวโน้มลดลง 25% เทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี ต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของดีลเลอร์ไม่สามารถปรับลงได้เท่ากับรายได้ที่หายไป ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ หรือ Net Profit Margin ของผู้ประกอบการมีแนวโน้มแย่ลง

จากกำไรที่ 1-1.2% ในช่วงปี 2560-2562 เป็นติดลบ 4.8% ในปี 2563 นอกจากนี้ คาดว่าสัดส่วนของผู้ประกอบการที่มีกำไรสุทธิติดลบจะเพิ่มขึ้นจาก 24% ในปีที่ผ่านมา เป็น 36% ในปีนี้ โดยกว่าสถานการณ์ยอดขายรถยนต์ในประเทศจะกลับมาอยู่ในช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 หรือที่ประมาณ 1 ล้านคัน จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี 

ขณะที่ ดร.มานะ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการฝ่าย ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจแบบดั้งเดิม (Brick and Mortar) กำลังเผชิญกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

โดยคาดการณ์ได้ว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเข้าไปยังโชว์รูมน้อยลง การปิดการขายจึงยากขึ้นกว่าเดิม ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์เป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการควรรักษาฐานลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง

เช่นทำการตลาดเชิงรุกเพื่อรองรับกับ Pent Up Demand ที่อาจกลับมาหลังการแพร่ระบาดคลี่คลาย รวมทั้งนำกลยุทธ์ของดีลเลอร์ในต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะการยกระดับการขายและบริการเข้าสู่ระบบดิจิทัล (Digitalize) ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในระยะยาว

สำหรับกลยุทธ์ที่ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ควรทำทันที คือ การรักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าเดิมตลอดช่วงของการล็อกดาวน์ และการทำตลาดเชิงรุกในการหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ในช่วงหลังคลายล็อกดาวน์

ส่วนในระยะยาวนั้น เราแนะนำให้ผู้ประกอบการปรับแนวทางการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยเฉพาะการนำขั้นตอนการขายและบริการเข้าสู่ระบบดิจิทัล เช่น การแสดง หรือรีวิวรถยนต์ในช่องทางออนไลน์ที่มีความคมชัดสูง การนัดทดลองขับ (Test-drive) ณ ที่พักอาศัยของผู้บริโภคผ่าน Application ไปจนถึงการเพิ่มช่องทางการขายแบบ Omni-channel

โดยกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดในยุค New Normal เห็นได้ชัดจากยอดขายของบริษัทที่ใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหลักอย่าง Tesla ที่ติดลบเพียง 5% ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เทียบกับค่ายรถยนต์อื่นๆ ในสหรัฐฯ อย่าง Ford และ GM ที่ลดลงมากกว่า 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน 

  • Omni-channel คือ การมีช่องทางหลากหลายที่สามารถให้บริการแก่ลูกค้า
  • Pent Up Demand คือ ความต้องการสินค้า หรือบริการที่เพิ่มขึ้นหลังเกิดวิกฤติ

Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ