ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงพลังงานได้เตรียมปรับปรุงหลักเกณฑ์โครงการโซลาร์ภาคประชาชน เพื่อเปิดให้บ้านที่อยู่อาศัย ติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อป) มากขึ้น เนื่องจากเงื่อนไขโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ที่ให้บ้านที่อยู่อาศัยยื่นข้อเสนอขายไฟที่ผลิตจากโซลาร์รูฟท็อป ในส่วนที่ผลิตแล้วเหลือใช้อัตรา 1.68 บาทต่อหน่วยไม่จูงใจ โดยจะปรับราคารับซื้อเพิ่มขึ้นให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม เช่น 2-2.20 บาท ซึ่งจะเปิดระดมความคิดเห็นกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันก่อนนำมาปรับปรุงเงื่อนไขให้เกิดแรงจูงใจ
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน มีแนวคิดสนับสนุนให้ทุกบ้านติดตั้งแผงโซลาร์ เพื่อผลิตไฟใช้และเหลือก็ขาย จะทดลองนำร่องเป็นโซนนิง เริ่มพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีความเหมาะสมก่อน ที่สำคัญต้องปรับเงื่อนไขส่งเสริมให้ประชาชนมาติดโซลาร์ เพราะเงื่อนไขเดิมราคารัฐซื้ออาจต่ำเกินไป ไม่เกิดแรงจูงใจ ซึ่งปีที่ผ่านมามีคนเข้าร่วมโครงการแค่ 3-4 เมกะวัตต์ จากเป้าที่ตั้งไว้ 100 เมกะวัตต์ จึงจะเชิญกูรูที่รู้เรื่องนี้มาระดมความเห็นว่า ต้องปรับเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เช่น เพิ่มราคารับซื้อ โดยต้องไม่กระทบกับค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) รวมทั้งเงื่อนไขอื่น โดยปีนี้ตั้งเป้าว่าควรเพิ่มเป็น 50 เมกะวัตต์ ปีหน้าเป็น 100-200 เมกะวัตต์
สำหรับความคืบหน้าโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ล่าสุดคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-80 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 แล้ว โดยจะนำเสนอแผนเข้าที่ประชุม ครม. วันที่ 16 มิ.ย.นี้ หนึ่งในแผนคือได้บรรจุการรับซื้อไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเข้าระบบตั้งแต่ปี 2563-67 ไว้ด้วย หลัง ครม.อนุมัติ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้เตรียมขั้นตอนไว้หมดแล้ว เช่น ให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ออกประกาศเชิญชวนการเปิดรับซื้อไฟฟ้านำร่องโครงการควิกวิน (ทำทันที) ได้ภายใน มิ.ย.นี้.