นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า วันที่ 31 ม.ค.นี้ จะนำมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” เวอร์ชันอินเตอร์ สำหรับกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสนอคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เป็นมาตรการที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ อาจเกิดความกังวลเมื่อเดินทางมาไทย เพราะเงินบาทแข็งค่าส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในเมืองไทย สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแพงขึ้นมากกว่า 10% จึงจะเสนอรูปแบบเหมือนการแจกคูปองเงินสดสำหรับช็อปปิ้งทดแทนค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยในส่วนนี้จะใช้เงินจากงบประมาณกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ขณะเดียวกัน มั่นใจว่าข้อเสนอให้รัฐบาลไทยออกมาตรการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาติจีนและอินเดีย โดยให้พำนักในไทยได้ 14 วัน ที่จะเสนอที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจจะได้รับความเห็นชอบ เพราะครั้งนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้หารือร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว โดยทุกหน่วยงานไม่ติดขัด ยกเว้นกระทรวงการต่างประเทศที่กำลังแบ่งรับแบ่งสู้ ทั้งนี้ หากมาตรการยกเว้นวีซ่าสำหรับจีนและอินเดียสำเร็จ จะผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนให้ทะลุ 12 ล้านคน และอินเดียมากกว่า 2.5 ล้านคนอย่างแน่นอน แต่หากไม่ได้ก็อาจต้องรับความเสี่ยงที่นักท่องเที่ยวจีนจะเปลี่ยนพื้นที่หันไปท่องเที่ยวในประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามที่มีราคาทัวร์ถูกกว่าแทน เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่ามาก อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบจะเสนอขอให้ขยายมาตรการยกเว้นวีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สิ้นสุด 30 เม.ย.นี้ออกไปถึงสิ้นปี
ทั้งนี้ กระทรวงตั้งเป้าที่จะผลักดันรายได้ด้านการท่องเที่ยวของไทยให้มากกว่า 3.4 ล้านล้านบาทในปีนี้ จาก 3.01 ล้านล้านบาทในปี 62 โดยแบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40.5-41 ล้านคน สร้างมูลค่า 2.1 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวชาวไทย 172 ล้านคน-ครั้ง สร้างมูลค่าการท่องเที่ยว 1.2-1.3 ล้านล้านบาท และหากมีมาตรการฟรีวีซ่าสำหรับจีนและอินเดียเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 41.8 ล้านคน.