นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ธพ.ได้ขอความร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันทุกราย ให้ช่วยสต๊อกน้ำมันเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีวันหยุดยาว ซึ่งคาดว่าประชาชนจะเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อให้บริการน้ำมันกับประชาชนอย่างพอเพียงและอำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนผู้เดินทาง โดยคาดว่าช่วงวันหยุดยาวจะทำให้ยอดการใช้น้ำมันสูงกว่าปกติ และคาดว่าการใช้น้ำมัน ปี 63 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 62 ต่อเนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะการท่องเที่ยว
ส่วนปี 62 คาดว่าการใช้น้ำมันจะเติบโตกว่า 2% จากปี 61 แยกเป็นกลุ่มดีเซลขยายตัว 2% มียอดใช้ 65 ล้านลิตร/วัน กลุ่มเบนซินขยายตัว 4% มียอดใช้ 33 ล้านลิตร/วัน ยอดใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น เกิดจากการท่องเที่ยวของไทยที่ขยายตัวประกอบกับราคาน้ำมันตลาดโลกอยู่ในเกณฑ์ต่ำ และปีนี้ยังพบว่ากลุ่มดีเซลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการส่งเสริมการใช้ดีเซลบี 20 และกลุ่มรถบรรทุกหันมาใช้บี 20 ทดแทนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ซึ่งการใช้บี 20 ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าส่วนต่างราคากับบี 7 จะลดลงจาก 5 บาท/ลิตร มาอยู่ที่ 3 บาท/ลิตร โดยล่าสุดมียอดใช้ปรับจาก 5 ล้านลิตรต่อวันเป็น 8.2 ล้านลิตร
สำหรับกรณีที่ผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน ระบุถึงการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน หลังจากที่กระทรวงพลังงานใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันและชดเชยเพื่อให้ราคาจำหน่ายลดลง 1 บาทต่อลิตรทุกชนิด มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.-10 ม.ค.63 ว่า เรื่องนี้ เป็นการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในอัตรา 0.93-2.29 บาท/ลิตร ที่ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันมาช่วยรับภาระให้กับประชาชนรวม 1,383 ล้านบาท ซึ่งผู้ค้าน้ำมันอาจจะขาดทุนสต๊อกในช่วงแรก เพราะเดิมคาดว่าจะลดราคาเฉพาะน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี20 และดีเซลบี10 ในอัตรา 1 บาทต่อลิตรเท่านั้น จึงไม่สต๊อกน้ำมัน 2 ชนิดนี้มาจำหน่ายในช่วงปีใหม่
“มีการร้องเรียนมาที่กรมธุรกิจพลังงานเป็นจำนวนมาก โดยปั๊มบางแห่งระบุจะไม่ลดราคาหน้าปั๊ม เพื่อลดปัญหาขาดทุน ซึ่งเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับการแข่งขันในพื้นที่ว่าหากบางปั๊มลดราคา แล้วบางปั๊มไม่ลดราคาแล้วจะแข่งขันอย่างไร โดยเรื่องนี้เป็นอำนาจการดูแลของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง”.