นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการ เปิดให้รถยนต์สามารถทำความเร็วได้ 120 กม./ชม. สำหรับถนนที่มี 4 ช่องจราจรขึ้นไป เพื่อระบายการจราจรให้คล่องตัว ว่าในปีนี้ ทล.จะนำร่องเปิดให้รถยนต์ใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. เฉพาะช่องทางขวาสุดเริ่มระยะแรก บนถนนทางหลวงหมายเลข 32 บางปะอิน-นครสวรรค์ เฉพาะระยะทาง 50 กม.ก่อน โดยเริ่มต้นจาก กม.ที่ 2-51 ช่วงบางปะอินเชื่อมกับสายเอเชีย และปี 2564 จะให้ใช้ความเร็วได้เพิ่มเติมอีก 100 กม.ที่เหลือ รวมเป็นครบตลอดเส้นทางรวม 150 กิโลเมตร
ขณะเดียวกัน เพื่อลดปัญหาการจราจรแออัดหน้าด่านของทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ก็ได้ข้อสรุปว่า ทล.จะยกเลิกไม้กั้นหน้าด่านของมอเตอร์เวย์ หมายเลข 9 วงแหวนรอบนอกตะวันออก ที่เป็นช่องทาง M-pass ก่อนในสิ้นปีนี้ เพื่อทำให้ผู้ใช้บริการจากเดิมสามารถ
ทำความเร็ววิ่งเข้าด่านที่ 80 กิโลเมตร (กม.) ต่อชั่วโมง (ชม.) เป็นทำความเร็วได้ที่ 100 กม./ชม. เพื่อทำให้การจราจรหน้าด่านไม่ติดขัดหรือเป็น 0% ทันที จากนั้นมีแผนที่จะนำระบบด่านเก็บเงินแบบไร้ไม้กั้น (multi-Lane Free Flow) มาใช้ในสายทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ทั้งสายทาง โดยจะเริ่มบังคับใช้ทั้งเส้นทางในเดือน ก.ย.2563 ซึ่งระบบจะติดตั้งระบบตรวจจับตัดเงินผ่านระบบทันที หากผู้ใช้รถคนใดไม่สามารถตัดเงินผ่านระบบได้ จะมีระบบเรียกเก็บเงินส่งไปที่บ้าน
สำหรับการปรับราคาค่าผ่านทางโทลล์เวย์ของบริษัท ทางยกระดับ ดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ตามสัญญาในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ทล.ได้ขอให้ โทลล์เวย์จัดทำแผนส่งเสริมการตลาด หรือโปรโมชันเพื่อลดค่าครองชีพประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับค่าผ่านทางเพิ่มขึ้น โดยโทลล์เวย์จะจำหน่ายคูปองโดยมีส่วนลด 5% ต่อเล่มให้กับผู้ใช้บริการ
“ในปัจจุบัน ทล.มีถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบ 51,929 กม. และได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2563 รวม 115,888 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบลงทุน 109,000 ล้านบาท และเป็นงบลงทุนเฉพาะโครงการใหม่ๆ 60,000 ล้านบาท ซึ่งมีความต้องการงบบำรุงรักษาทาง ปีละ 40,000 ล้านบาท โดยปีงบประมาณ 2563 ได้รับจัดสรรงบเพียง 24,000 ล้านบาท ยอมรับว่า งบที่ได้รับการจัดสรรไม่เพียงพอกับการดำเนินการ ทล.จึงต้องลำดับความสำคัญของโครงการที่จะต้องบำรุงรักษาก่อนเป็นอันดับแรก”.