หลังผงะโรงพยาบาลเอกชนโขกราคาเกินเหตุ
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ได้ร่วมกันประเมินสถานการณ์การจำหน่ายยาของโรงพยาบาลเอกชน พบว่า โรงพยาบาลเอกชนที่มีเครือข่าย หรือมีสาขาจำนวนมาก จะขายยาแพงกว่าโรงพยาบาลที่ไม่มีเครือข่าย หรือไม่มีสาขา ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะตามหลักการแล้วโรงพยาบาลที่มีเครือข่ายมากจะมีต้นทุนในการซื้อยาที่ถูกกว่า เนื่องจากการสั่งซื้อยาปริมาณมากๆจากผู้ผลิต จะได้ราคาถูกกว่าการซื้อปริมาณน้อย ดังนั้น กรมอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อพิจารณาแนวทางในการกำหนดส่วนต่างของต้นทุนและราคาขายหรือกำไรในการขายยาแต่ละชนิดของโรงพยาบาลเอกชนคาดว่า จะมีความชัดเจนในปี 63
“การกำหนดส่วนต่าง หรือเปอร์เซ็นต์ที่ห้ามขายเกินจากต้นทุนนั้น วิธีการทำคงต้องแบ่งยาออกเป็นหลายกลุ่ม เช่น ยาราคาต่ำเม็ดละไม่กี่บาท, ยาราคาแพง, ยาหายาก, ยาที่ใช้กันน้อยแต่จำเป็นต้องมี เป็นต้น เพราะหากจะกำหนดส่วนต่างในอัตราเดียวกันหมด จะทำให้ยาราคาถูกได้รับผลกระทบ เช่น ต้นทุนเม็ดละ 50 สตางค์ หากกำหนดห้ามเกิน 100% หรือเม็ดละ 1 บาท ก็ยังไม่กระทบต่อผู้ป่วยมากนัก แต่หากเป็นยาแพงต้นทุนเม็ดละ 100,000 บาท หากกำหนดห้ามเกิน 100% ราคาจำหน่ายก็จะเป็น 200,000 บาท ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ป่วยมาก ดังนั้น การกำหนดเปอร์เซ็นต์ส่วนต่างก็จะมีหลายอัตราตามกำหนดที่กรมกำลังพิจารณา”
อย่างไรก็ตาม ในการกำหนดส่วนต่างนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่โรงพยาบาลเอกชนและผู้ป่วย กรมจะนำเรื่องของการลงทุน ค่าบริหารจัดการของโรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่งมาพิจารณาด้วย แต่คงต้องหารือเรื่องหลักในการคำนวณกับผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง
สำหรับโรงพยาบาลเอกชนสีเขียว หรือกลุ่มโรงพยาบาลคิดราคายาไม่แพงหรือแบบอนุเคราะห์ผู้ป่วย 164 แห่ง ที่กรมได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ www.dit.go.th ไปแล้วนั้นจะกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยในกรุงเทพฯมี 46 แห่ง ต่างจังหวัด 117 แห่ง.