“ถาวร” นัดถก “บินไทย” 10 ต.ค.หลังกังวลปีนี้ ขาดทุน 10,000 ล้านบาท หลังไม่พอใจแผนฟื้นฟูกิจการไม่ได้ผลลดขาดทุนไม่ได้ สั่งไปทำแผนฟื้นฟูฯใหม่มาส่งภายใน 3 เดือน จี้ “เอกนิติ” ตื่นขึ้นมาทำงานให้หนักขึ้น ทำงาน 25 ชั่วโมง ขณะที่แอร์เอเชียเข้าหารือ ขอให้เทคโนโลยีสแกนใบหน้าเช็กอินผู้โดยสาร
นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า วันที่ 10 ต.ค.นี้ ตนได้ นัดนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานคณะกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารระดับสูงมาหารือ โดยจะขอให้การบินไทยกลับไปทบทวนการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการใหม่ทั้งหมด เนื่องจากที่ผ่านมาแผนฟื้นฟูฯฉบับปัจจุบันที่ใช้มา 12 เดือน ใช้ไม่ได้ผล เพราะผลขาดทุนยังไม่ลดลง รวมไป ถึงขอให้มีการทบทวนแผนมนตรา เพราะขณะนี้แผนการจัดซื้อเครื่องบิน 38 ลำ วงเงิน 120,000 ล้านบาทนั้น คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) การบินไทย ได้สั่งให้กลับไปทบทวนใหม่ รวมทั้งให้ไปทำแผนธุรกิจใหม่ว่าจะมีแนวทางลดขาดทุน เพิ่มกำไรอย่างไรบ้าง เพราะแผนฟื้นฟูฯยังไม่สามารถ ลดการขาดทุนของการบินไทยได้
ทั้งนี้ เตรียมที่จะฝากการบ้านอีก 10 ข้อ ให้ฝ่ายบริหารของการบินไทยนำกลับไปคิดและทำด้วย เนื่องจากตนไม่มีอำนาจที่จะปลดกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) และดีดียังสอบผ่านการประเมินจากบอร์ด ดังนั้น จะต้องหันมาจับมือกัน ลงเรือลำเดียวกันเพื่อแก้ปัญหาให้กับสายการบินแห่งชาติของไทย และขอฝากไปยังนายเอกนิติในฐานะประธานบอร์ดการบินไทยให้ตื่นขึ้นมาทำงานให้หนักขึ้น
“สิ้นปีนี้ ผมยังมีความกังวลมากๆว่า การบินไทยจะขาดทุนรวมถึง 10,000 ล้านบาท เพราะช่วง ครึ่งปีแรกมียอดขาดทุนรวม 6,000 ล้านบาทแล้ว โดยจะต้องจัดทำแผนฟื้นฟูฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จและนำกลับมาเสนอภายใน 3 เดือน วันนี้การบินไทยอยู่ในช่วงวิกฤติ อยากถามว่า ฝ่ายบริหารมีการตั้งวอร์รูมขึ้นมาจับเข่าคุยกันเพื่อแก้วิกฤติอย่างจริงจังหรือยัง และขอฝากไปยังนายเอกนิติในฐานะประธานบอร์ดเบอร์หนึ่งของการบินไทยให้ตื่นขึ้นมา และทำงานให้หนักขึ้น ต้องทำงานวันละ 25 ชั่วโมง”
นายถาวรยังกล่าวถึงแผนการจัดหาเครื่องบิน 38 ลำด้วยว่า ล่าสุดขณะนี้บอร์ดการบินไทยได้สั่งชะลอและขอให้การบินไทยไปทบทวนใหม่ทั้งหมดแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่ได้คัดค้านการจัดหาเครื่องบิน แต่ก่อนหน้านี้ได้มีการทำหนังสือให้การบินไทยส่งแผนการจัดซื้อคืนให้บอร์ดกลับไปพิจารณา และให้ตอบชี้แจงใน 6 ประเด็นที่ตนมองว่ายังไม่มีความชัดเจน ซึ่งมาจนถึงวันนี้ การบินไทยก็ยังไม่ได้ตอบข้อสงสัยทั้ง 7 ข้อกลับมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คงทำให้บอร์ดการบินไทยเกิดความไม่มั่นใจ และเกิดความลังเลขึ้น จนมีมติให้การบินไทยไปทบทวนและจัดทำแผนจัดหาเครื่องบินใหม่ในที่สุด
วันเดียวกัน นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย ได้เข้าพบหารือกับนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม โดยนายถาวร กล่าวภายหลังการเข้าพบว่า สายการบินไทยแอร์เอเชียเข้ามาหารือ กรณีที่จะนำนวัตกรรมระบบเช็กอินอัตโนมัติโดยการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า หรือการสแกนใบหน้า มาให้บริการแก่ลูกค้าในไทย เพื่อลดระยะเวลาการเช็กอินและเพิ่มความสะดวกให้กับผู้โดยสาร
โดยเบื้องต้นได้สั่งให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด มอบให้นายสมเกียรติ มณีสถิตย์ รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เป็นประธาน ทำการศึกษา รายละเอียดการนำระบบมาใช้เพื่อให้เกิดความสะดวก และปลอดภัยสูงสุดต่อผู้ใช้บริการ เนื่องจากจะต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ซึ่งหากข้อมูลรั่วไหลออกไปอาจจะเกิดความไม่ปลอดภัย โดยจะต้องศึกษาร่วมกับสำนักบริหารการทะเบียน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และสายการบิน โดยจะศึกษาแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ต.ค.นี้.