“ศักดิ์สยามผงะ! หลังพบสัญญาแนบท้าย “ไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน” ใส่เนื้อหาเพิ่มเติม เกินอำนาจขอบเขตที่คณะกรรมการคัดเลือกฯมี หวังเอื้อเอกชน จี้ให้ตัดออกก่อนเอกชนจะมาเซ็นสัญญาใน 15 ตุลานี้ หากไม่ดำเนินการเกิดอะไรขึ้น คณะกรรมการคัดเลือกฯต้องรับผิดชอบ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ภายหลังประชุมร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รวมทั้งคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าการเจรจาโครงการดังกล่าวที่ยังติดปัญหาอยู่นั้น คือประเด็นการเจรจาในรายละเอียดแนบท้ายสัญญา ที่ระบุถึงการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างโครงการ
ทั้งนี้ ภายหลังจากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด ที่ประชุมเห็นพร้อมกันว่า ปัญหาการจัดทำเอกสารแนบท้ายสัญญาที่คณะกรรมการคัดเลือกฯ และเอกชนเจรจากันยืดเยื้อนั้น ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในระเบียบที่กำหนดไว้ในเอกสารคัดเลือกเอกชน (REQUEST FOR PROPOSAL หรือ RFP) โดยเฉพาะประเด็นการส่งมอบพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะลงนามสัญญาร่วมทุนก่อน หลังจากนั้นจะลงพื้นที่และจะออกใบแจ้งให้เอกชนเริ่มงาน ในอีก 1 ปีข้างหน้า ซึ่งถือว่าเป็นข้อตกลงที่อยู่นอกเหนือ RFP กำหนด
“ทางที่ประชุมได้มีการสอบถามถึงประเด็น และพิจารณาถึงสัญญาแนบท้ายของสัญญาร่วมลงทุนในโครงการ ว่าเป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้ใน RFP หรือไม่ ซึ่งทางคณะกรรมการคัดเลือกฯ ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าทำไมต้องเอาสัญญาแนบท้ายมาเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา เพราะการทำงานที่ผ่านมา คณะกรรมการคัดเลือกฯก็ยืนยันว่าทำตาม RFP อย่างครบถ้วนแล้ว ดังนั้นที่ประชุมจึงมีความเห็นตรงกันว่า และเพราะอะไรจึงต้องมีเอกสารแนบท้ายที่ถือว่าขัดต่อ RFP ดังนั้นจึงขอให้ตัดส่วนนี้ออก”
นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมเห็นว่าน่าจะมีการใช้อำนาจเกินขอบข่ายที่คณะกรรมการคัดเลือกฯในการกำหนดเอกสารแนบท้าย เจรจาในส่วนที่อยู่นอกเหนือ RFP ไปแล้ว ที่ประชุมจึงเห็นควรให้คณะกรรมการคัดเลือกฯตัดเนื้อหาที่เกินขอบข่ายอำนาจของคณะกรรมการออก โดยขอให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 ก.ย.นี้ ก่อนที่จะมีการขีดเส้นให้กลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) มาลงนามสัญญาในวันที่ 15 ต.ค.62
“ตั้งแต่ผมมารับตำแหน่งได้มีการขอให้คณะกรรมการคัดเลือกฯส่งร่างสัญญามาให้ดู แต่ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการคัดเลือกฯไม่เคยส่งเอกสารดังกล่าวมาเลย ครั้งนี้ถือว่าเป็นการตรวจสอบเอกสารครั้งแรก เมื่อมาเห็นและมีการพิจารณาร่วมกัน กับส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ก็เห็นพ้องกันว่าคณะกรรมการ คัดเลือกฯมีการใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบข่ายที่มี จึงได้มีมติให้ตัดเนื้อหาที่เกินจากข้อกำหนดในการดำเนินการโครงการออกไป หากไม่ตัดเนื้อหาออกในอนาคตหากเกิดอะไรขึ้นที่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ทางกลุ่มเอกชนมาฟ้องร้องรัฐภายหลังได้ ทางคณะกรรมการคัดเลือกฯจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ใครทำอะไรไว้ต้องรับผิดชอบ”.