นางสาววิลาวัลย์ วีระกุล รองอธิบดีด้านประเมินราคาทรัพย์สิน กรมธนารักษ์ เปิดเผยว่ากรมธนารักษ์ได้ทำการประเมินราคาที่ดินทั่วประเทศเพื่อประกาศใช้เป็นฐานในการจัดเก็บภาษีการซื้อขายครั้งใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยราคาที่ดินทั่วประเทศในภาพรวมปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 8% จากราคาที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งได้ประกาศใช้เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีข้อสังเกตว่าราคาที่ดินมากกว่า 70% ของที่ดินทั่วประเทศไม่ได้ปรับราคาประเมินเพิ่มขึ้น เนื่องจากกรมใช้ระบบไอทีเข้ามาช่วยซึ่งมีสูตรในการคำนวณที่สะท้อนราคาตลาดเป็นปัจจุบัน ทำให้ราคาประเมินที่ดินไม่กระโดดเหมือนกับอดีตที่ผ่านมา
สำหรับพื้นที่ที่ราคาประเมินที่ดินปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ จ.กำแพงเพชร โดยปรับขึ้น 200% เพราะราคาไม่ได้ปรับมา 2 รอบบัญชีประเมิน หรือ 8 ปี แต่ราคาประเมินไม่ได้สูงเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น โดยราคาประเมินที่ซื้อขายเพิ่มขึ้น 10,000 บาทต่อตารางวา (ตร.ว.) เท่านั้น ส่วนพื้นที่ที่มีราคาประเมินสูงสุดเป็นพื้นที่เดิม คือ ถ.ราชดำริ บริเวณชิดลม และสยามพารากอน โดยจากราคา ตร.ว.ละ 900,000 บาท เพิ่มขึ้นเป็น ตร.ว.ละ 1 ล้านบาท ขณะที่ที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากราคาได้ปรับขึ้นมาต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 8-10% เท่านั้น ส่วนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน เพราะการประเมินราคาที่ดินต้องเห็นโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ก่อน ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับปั่นราคาและขณะนี้โครงสร้างพื้นฐานต่างๆยังเกิดขึ้นไม่มากนัก
ด้านนายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงผลการจัดเก็บรายได้ของกรมว่าสามารถจัดเก็บรายได้ได้ 9,200 ล้านบาท คาดทั้งปีงบประมาณจะเก็บได้ 10,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ 9,800 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวเป็นผลจากการจัดเก็บจากการเช่าที่ราชพัสดุ และการบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์.