นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 14 ส.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) เพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่ภาคเอกชนต้องการให้กระทรวงและภาครัฐแก้ไข รวมถึงแนวทางผลักดันให้การส่งออกปีนี้สามารถเดินหน้าขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ ส่วนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย 3% หรือลดลงต่ำกว่านี้ ยังไม่สามารถ
คาดการณ์ได้ แต่หากภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมืออย่างใกล้ชิดแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ภาคส่งออกก็ยังพอมีความหวัง เพราะภายใต้ปัจจัยลบที่ทั่วโลกเผชิญเหมือนกันไม่ได้หมายความว่าการส่งออกจะหมดหวัง หากรัฐ และภาคเอกชนร่วมกันแก้ปัญหา ก็ทำให้การส่งออกไทยดีขึ้นได้ เพราะยังมีตลาดอีกจำนวนหนึ่งที่ยังมีศักยภาพนำเข้าสินค้าไทย เพียงแต่ติดปัญหา อุปสรรค ที่เราต้องไปเจรจา หรือเรายังติดขัดปัญหาบางอย่างที่รอการแก้ไข
ขณะที่การประชุมคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่ประชุมได้อนุมัติ 3 ยุทธศาสตร์ เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทย ได้แก่ ยุทธศาสตร์ด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถ การแข่งขันการค้าระหว่างประเทศ ยุทธศาสตร์ด้านการเจรจาเชิงรุกเพื่อการเปิดตลาด และยุทธศาสตร์เร่งรัดการทำการตลาดเชิงรุก ซึ่งจะดำเนินการในปี 2563-2567
“ยุทธศาสตร์การเจรจาเชิงรุกเพื่อการเปิดตลาดได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ระหว่างอาเซียนและคู่เจรจา 6 ประเทศ คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ให้เสร็จในปีนี้ และให้เดินหน้าจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) รวมทั้งให้นำเสนอข้อดี ข้อเสียของการที่ไทยจะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม เป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้า สำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) มาให้พิจารณา ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพราะการเจรจาจัดทำเอฟทีเอกับประเทศต่างๆเป็นหนทางสำคัญในการเปิดตลาดการค้า และการลงทุนของไทยกับประเทศคู่เจรจา”.