นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ขอเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก แม้ว่าที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ต่อปี แต่ ส.อ.ท.มองว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ โดยเฉพาะในระดับฐานรากอยู่ในภาวะซบเซา ขณะที่การส่งออกที่เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมีทิศทางที่จะชะลอตัวต่อเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนและยังมีปัจจัยจากเงินบาทแข็งค่า
“ค่าเงินบาทขณะนี้อยู่ระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งค่าเฉลี่ยเงินบาทที่ 31 บาทนี้กินเวลายาวนานนับปีแล้วยังไม่คลี่คลายลง เพราะไทยมีเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง โดยหากเป็นไปได้เอกชนอยากเห็น ธปท.ดูแลให้เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 32 บาท บวกลบเล็กน้อย เพื่อช่วยให้การแข่งขันการส่งออกของไทยกับประเทศคู่แข่งการค้าใกล้เคียงกัน”
ทั้งนี้ จากการส่งออกที่อยู่ในภาวะติดลบต่อเนื่อง ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ กกร.จะมีการพิจารณาทบทวนประมาณการเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยยอมรับว่าการส่งออกและการเติบโตของจีดีพีตลอดทั้งปีนี้มีแนวโน้มที่ลดลง
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า การส่งออกไทยเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ลดลง 5.8% และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้แนวโน้มว่าการส่งออกไทยในปีนี้ มีโอกาสเติบโต 0% หรือติดลบได้ จากที่คาดไว้ที่ 1-2% หากการประชุมสุดยอด G20 ที่ญี่ปุ่น วันที่ 28-29 มิ.ย.นี้ สหรัฐฯและจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส.อ.ท.จึงต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ควรหาทางเจรจาเพื่อทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือ FTA กับประเทศต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออกให้มากขึ้น.