เปิดประมูลปิโตรเลียมอ่าวไทยรอบใหม่ รอเสนอรมว.พลังงานคนใหม่แกะกล่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าการเตรียมเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยรอบใหม่ ว่า ต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ เพราะเดิมนโยบายนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ได้สั่งการให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไปเร่งรัดดำเนินการเปิดประมูลสำรวจและผลิตแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทย โดยมีแผนเปิดให้บริษัทเอกชนเสนอตัวเข้าขอรับสิทธิสำรวจและผลิตแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทยภายเดือน มิ.ย. เพื่อลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่นำเข้าจากต่างประเทศเพราะมีราคาสูง ช่วยประหยัดเม็ดเงิน ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ โดยนายศิริประเมินว่าแม้จะมีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ก็เชื่อว่าจะดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่องทันที ไม่ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ แต่ล่าสุดกระทรวงพลังงานเห็นว่า สถานการณ์การเมืองปัจจุบันต้องรอ รมว.พลังงานคนใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ

ด้านนายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอน ประเทศไทยสำรวจและผลิต กล่าวว่า แผนธุรกิจของเชฟรอนในประเทศไทย หลังแพ้ประมูลแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณและบงกชให้กับกลุ่ม บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) นั้น บริษัทยังคงเดินหน้าธุรกิจ โดยปีนี้ได้จัดสรรงบประมาณสำหรับธุรกิจต้นน้ำหรือการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 1,000 ล้านบาท แต่หลังจากนี้ไปอาจทยอยลดงบฯนี้ลง เพราะแหล่งก๊าซธรรมชาติในไทยของบริษัทเริ่มมีปริมาณลดลง และมีบางแปลงที่ต้องคืนสัมปทานให้รัฐเพราะหมดอายุสัมปทาน แต่ยืนยันว่าบริษัทยังไม่มีนโยบายขายกิจการให้ ปตท.สผ.เพราะยังมีแผนลงทุนใหม่ๆในไทย “ปัจจุบันมีแหล่งก๊าซธรรมชาติหลักๆที่เชฟรอนดำเนินการผลิตอยู่ คือ แหล่งเอราวัณที่อายุสัมปทานยังเหลือถึงปี 65 บางหลุมหยุดผลิตแล้ว ล่าสุดเชฟรอนอยู่ระหว่างรื้อถอนแท่นขุดเจาะ เพื่อเปิดทางให้ ปตท.สผ.เข้าไปใช้พื้นที่แทน นอกจากนี้ยังมีแหล่ง B8/32 หรือแหล่งทานตะวัน และแปลง B12/27 หรือแหล่งไพลินที่อยู่ระหว่างการผลิตก๊าซธรรมชาติ”

สำหรับ การเปิดประมูลสำรวจและผลิตแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทยรอบใหม่นั้น บริษัทต้องขอศึกษารายละเอียดอีกครั้งว่าจะเปิดให้สำรวจในแหล่งบนบกและในทะเลกี่แปลง แต่ยอมรับว่าเชฟรอนมีความถนัดในการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในทะเลมากกว่าแหล่งบนบก.