นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า มาตรการควบคุมสินเชื่อรถยนต์ อยู่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และติดตามสถานการณ์ โดย ธปท.ได้หารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อออกเกณฑ์ในการอนุมัติสินเชื่อให้สอดคล้องกับสัดส่วนรายได้ และสัดส่วนหนี้ที่ต้องสมดุลกัน เพราะที่ผ่านมาสถาบันการเงิน พิจารณาการปล่อยสินเชื่อเฉพาะผลิตภัณฑ์มากกว่าพิจารณาภาพรวมรายได้ของผู้ขอกู้ และความสามารถชำระหนี้ว่าเพียงพอหรือไม่
สำหรับมาตรการควบรวมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น อยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบจาก LTV แต่ยังไม่มีทบทวนหรือปรับเกณฑ์ เพราะเกณฑ์ ดังกล่าวเป็นประโยชน์และไม่ได้มีผลกระทบกับผู้กู้ซื้อบ้านหลังแรก วัตถุประสงค์หลักของการออกเกณฑ์ 13 คือ ต้องการควบคุมการเก็งกำไรของผู้ที่ทำสัญญาบ้านหลังที่ 2-3 จนส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้นเกินไป และดูแลเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินไม่ให้หย่อนลงไปมาก ซึ่งการออกเกณฑ์ LTV เป็นผลดีต่อผู้ที่ต้องการมีบ้านหลังแรกที่จะซื้อบ้านในราคาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ธปท.ไม่ดูแลอาจทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เกิดปัญหาฟองสบู่ และมีปัญหาในวงกว้างตามมาได้ ซึ่งยืนเกณฑ์ของ ธปท.เป็นเกณฑ์เริ่มต้น เมื่อเทียบประเทศอื่นที่มีการควบคุมดูแลเข้มงวดกว่านี้มาก
“การที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยชะลอลงในเดือน เม.ย.-พ.ค.2562 เป็นผลจากการเร่งขอสินเชื่อและโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจำนวนมากตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2561 ต่อเนื่องมายังไตรมาส 1 ปี 2562 ของปีนี้ ดังนั้น จึงทำให้ยอดการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยเดือน เม.ย. และ พ.ค.ชะลอตัวลงไปบ้าง ซึ่งการพิจารณาผลกระทบเกณฑ์ LTV ต้องดูยาวๆ จะดูเพียงแค่ 1-2 เดือนไม่ได้”.