รัฐบาลแจกเพลินเงินสะพัด ยอดใช้จ่ายปีใหม่สูงเป็นประวัติการณ์

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

รัฐบาลแจกเพลินเงินสะพัด ยอดใช้จ่ายปีใหม่สูงเป็นประวัติการณ์

Date Time: 26 ธ.ค. 2561 09:05 น.

Summary

  • โพลชี้เงินสะพัดปีใหม่ปี 2562 ทะลุ 1.35 แสนล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โต 2.5% เหตุคนใช้จ่ายท่องเที่ยวมากที่สุดและอานิสงส์เติมเงินบัตรคนจนอีก 500 บาท และ 1,000 บาทสำหรับคนชรา

Latest

เปิดอินไซต์ คนไทย #ติดแกลม เมื่อคนต่างเจน มองคำว่า "หรูหรา" ไม่เหมือนกัน ?

โพลชี้เงินสะพัดปีใหม่ปี 2562 ทะลุ 1.35 แสนล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โต 2.5% เหตุคนใช้จ่ายท่องเที่ยวมากที่สุดและอานิสงส์เติมเงินบัตรคนจนอีก 500 บาท และ 1,000 บาทสำหรับคนชรา นอกจากนั้นยังอยากมอบของขวัญให้ พล.อ.ประยุทธ์ ณเดชน์ และญาญ่า

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 จากการสำรวจประชาชน 1,210 ตัวอย่างทั่วประเทศว่า จะมีการจับจ่ายใช้สอยมูลค่า 135,000 ล้านบาท มูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่ได้สำรวจมา เพิ่มขึ้น 2.5% เทียบกับการจับจ่ายใช้สอยช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 แบ่งเป็นการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ 62,200 ล้านบาท และคนต่างจังหวัด 73,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้ตอบส่วนใหญ่ระบุบรรยากาศช่วงเทศกาลปีใหม่คึกคักกว่าปีที่ผ่านมา โดยเม็ดเงินที่สะพัดในช่วงนี้ เป็นการใช้จ่ายเพื่อไปท่องเที่ยวมากสุด ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวในประเทศ 58,600 ล้านบาท และเที่ยวต่างประเทศ 38,300 ล้านบาท รองลงมาคือซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 17,400 ล้านบาท เลี้ยงสังสรรค์ 10,000 ล้านบาท ทำบุญ 7,394.86 ล้านบาท ซื้อสินค้าคงทน 2,206 ล้านบาท และซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย 1,178.74 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงแหล่งที่มาของเงินที่นำมาใช้จ่าย ผู้ตอบส่วนใหญ่ระบุว่า มาจากเงินเดือนและรายได้ปกติ รองลงมาเป็นเงินออม และโบนัส/รายได้พิเศษ ส่วนแผนการใช้เงินสำหรับตนเองพบว่า ใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว 25,200 บาท/คน ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย 16,000 บาท/คน สังสรรค์ 5,814 บาท/คน ซื้อสินค้าคงทน 4,375 บาท/คน ซื้อเสื้อผ้า/รองเท้า 1,756 บาท/คน เป็นต้น ขณะที่การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวพบว่า เป็นการเที่ยวในประเทศ 14,400 บาท/คน ต่างประเทศ 61,900 บาท/คน

สำหรับการสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคตพบว่า สถานการณ์ปัจจุบันน่าเป็นห่วง แต่ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นปานกลาง โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยปี 62 จะโต 4-4.5% และ
เมื่อสอบถามอยากให้ของขวัญที่เป็นกำลังใจกับรัฐมนตรีคนใดมากที่สุด ส่วนใหญ่ตอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รองลงมาคือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อสอบถามว่าอยากเดินทางไปท่องเที่ยวกับนักการเมืองคนไหนมากสุด ผู้ตอบส่วนใหญ่ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ รองลงมาคือ นายทักษิณ ชินวัตร นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นอกจากนี้ ยังพบว่า ประชาชนอยากจะให้ของขวัญดารานักแสดงฝ่ายชาย มากที่สุดคือ ณเดชน์ คูกิมิยะ รองลงมา มาริโอ้ เมาเร่อ และ โป๊ป-ธนวรรธน์ ส่วนฝ่ายหญิงอันดับ 1 เป็น ญาญ่า- อุรัสยา รองลงมา เบลล่า-ราณี และแต้ว-ณฐพร ขณะที่นักร้องฝ่ายชายอันดับ 1 เป็นตูน บอดี้แสลม รองลงมาคือ เดอะ ทอยส์ และนนท์ เดอะวอยซ์ ส่วนฝ่ายหญิงอันดับ 1 เป็นปาล์มมี่ รองลงมาเป็นต่าย-อรทัย และนิว-จิ๋ว 

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า บรรยากาศปีใหม่ปี 2562 ที่คึกคัก และมีเม็ดเงินสะพัดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มาจากการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวมากที่สุด อีกปัจจัยคือการเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 500 บาท ที่กดเงินได้ช่วงเดือน ธ.ค.ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดจากส่วนนี้ 5,000-6,000 ล้านบาท และเงินให้กับผู้สูงอายุอีก 1,000 บาท รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรบางรายการ เช่น ข้าว ดีขึ้น ทำให้การจับจ่ายใช้สอยในกลุ่มคนฐานรากดีขึ้น

“แต่หากมองดูอัตราการขยายตัวของเงินสะพัดปีใหม่ปี 2562 แค่ 2.5% สะท้อนได้ว่าการใช้จ่ายยังคงกระจุกตัวแค่เฉพาะบางกลุ่ม ยังไม่กระจาย โดยคนยังคงกังวลเรื่องสงครามการค้า ราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตรบางรายการยังตกอยู่ ทำให้โมเมนตัมของอัตราขยายตัวสู้ปีที่ผ่านมาไม่ได้ แต่ศูนย์ฯยังคงมุมมองเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 4.2% ซึ่งขยายตัวเกิน 4% ในรอบ 6 ปี”

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีหน้า คาดจะขยายตัว 4-4.5% แต่หากสถานการณ์สงครามการค้ายังไม่ดีขึ้นก็อาจขยายตัว 4-4.2% แต่ถ้าไม่ยืดเยื้อปีหน้าโตแน่ 4.3-4.5% แต่ยังคงต้องติดตามหลายประเด็นในปีหน้า โดยเฉพาะเดือน ก.พ.ที่จะมีความชัดเจนมากขึ้นทั้งเรื่องสงครามการค้า การแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (เบร็กซิต) และการเลือกตั้งภายในประเทศ

“ส่วนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเดือน ก.พ.ปีหน้า คาดว่าจะมีเม็ดเงิน 40,000 ล้านบาท จากการที่พรรคการเมืองใช้รณรงค์หาเสียงทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก แต่ก็ต้องรอดูเสถียรภาพทางการเมืองในอนาคตอีกที”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ