ผวาเป็นภัยคุกคามการค้าโลก

เอกชน-รัฐหวั่นสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯบานปลาย

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)ให้ความเห็นถึงสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯว่า จะมีผลกระทบต่อการค้าและการส่งออกของไทยไตรมาส 3 ปีนี้ ในระยะกลางและยาว สงครามการค้าอาจขยายผล เป็นมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี (เอ็นทีบี) และกลายเป็นภัยคุกคามการค้าโลกในที่สุด ทั้งนี้ ต้องรอ ลุ้นมูลค่าการส่งออกไทยเดือน มี.ค.นี้ ที่อาจโตไม่ถึง 2 หลัก เพราะเริ่มเกิดสงครามการค้าแล้ว “ทั้งจีนและสหรัฐฯต่างงัดมาตรการภาษีออกมาสู้ก่อนเปิดเจรจากัน แต่รายการสินค้าที่จีนปรับขึ้นภาษี 128 รายการ ยังไม่ส่งผลตรงกับสหรัฐฯ แต่ที่ห่วงคือการยืดเยื้อออกไปจนจบที่องค์การการค้าโลก (ดับบลิว–ทีโอ) และนำไปสู่การใช้มาตรการเอ็นทีบี”

นายชัยชาญ เจริญสุข เลขาธิการ สรท. กล่าวว่า แม้สงครามการค้าจีนสหรัฐฯจะยังไม่กระทบต่อการส่งออกไทยมากนัก แต่ต้องเตรียมตั้งรับเพราะเมื่อสินค้าจากจีนส่งไปสหรัฐฯไม่ได้จะไหลเข้ามาแข่งขันในเอเชีย ทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น เพราะต้นทุนโลจิสติกส์ของจีนต่ำกว่าไทย รวมทั้งอาจเกิดการ ย้ายฐานผลิตจากจีนเข้ามาอาเซียนซึ่งจะกระทบต่อตลาดสินค้าไทยในภูมิภาคนี้ ทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องปรับตัวเพื่อให้แข่งขันได้ ด้าน น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธาน สรท.กล่าว ว่า หากสงครามการค้าขยายวงจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะงักยาว ทำให้ห่วงโซ่การผลิตของโลกกระทบไปด้วย ทำให้เศรษฐกิจโลกไม่โตตามที่คาด และค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยให้ผู้ส่งออกกังวล เพราะภาพการแข็งค่ายังมีให้เห็นอยู่ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร ที่ประมาณการยอดส่งออกปีนี้จะโต 6% มาจากส่งออกอาหารโต 5% แต่หากปีนี้ส่งออกอาหารไม่โตเลย ก็อาจทำให้ส่งออกโตแค่ 5%

ขณะที่นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า แม้ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อไทย แต่ต้องเฝ้าระวังหาก 2 ประเทศมีมาตรการในสินค้าอื่นที่ไทยเป็นห่วงโซ่การผลิต หรือส่งออกวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จไปให้จีนและสหรัฐฯผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปส่งออกต่อ โดย สนค.จะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดเพื่อหาทาง รับมือได้ทันท่วงที.