แพ็กเกจจิ้งยุคใหม่ต้องเป็นได้ทุกอย่าง เอสซีจีขายดีรับอีคอมเมิร์ซ

เอสซีจีแพ็กเกจจิ้งรับมือลูกค้ายุคใหม่ เผยอีคอมเมิร์ซบูมทำยอดขายเติบโตตามไปด้วย ขณะเดียวกันความต้องการก็หลากหลายขึ้น ต้องง่าย ทันสมัย แปลกตา เบาแต่แข็งแรง แถมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คาดปีนี้รายได้เติบโต 7% จากรายได้รวมปีที่ผ่านมาที่ 81,000 ล้านบาท

นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี แพ็กเกจจิ้ง เปิดเผยว่า เอสซีจี แพ็กเกจจิ้ง ตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้ รายได้รวมในกลุ่มแพ็กเกจจิ้ง (กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์) จากการจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ จะมีอัตราการเติบโต 7% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 81,000 ล้านบาท และมีกำไร 4,700 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการบริโภคของแพ็กเกจจิ้ง โดยเฉพาะตลาดอาเซียนที่เป็นตลาดส่งออกหลักของเอสจีซีแพ็กเกจจิ้งเติบโตต่อเนื่อง โดยมูลค่าในไทยปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกๆปี

ดังนั้น กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ จึงได้ปรับเปลี่ยนทิศทางธุรกิจครั้งใหญ่ จากเดิมคือเอสซีจี เปเปอร์ มาเป็นเอสซีจี แพ็กเกจจิ้ง เนื่องจากการมองเห็นแนวโน้มและโอกาสทางการตลาดของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ยังคงเติบโตทั้งในไทยและในอาเซียน โดยคาดว่ามูลค่าตลาดโลกในปีนี้จะอยู่ที่ 930,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 3% ขณะที่อาเซียนมูลค่า 50,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโต 5%

“ปีนี้เราจะเดินหน้าสู่การเป็น Total Packaging Solutions Provider หรือผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเพื่อนคู่คิดทางธุรกิจ ตอบโจทย์ความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร ด้วยการปรับเปลี่ยนทุกกระบวนการให้สอดคล้องและตอบรับความต้องการ ตั้งแต่ระบบการคิด วิธีการทำงาน และการส่งมอบสินค้าและบริการไปยังลูกค้า”

สำหรับกลยุทธ์โดดเด่นที่เอสซีจี แพ็กเกจจิ้ง นำมาชูเป็นจุดขายคือการเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย มีนวัตกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง อาทิ กล่องกระดาษที่มีน้ำหนักเบา ถุงกระดาษรูปทรงแปลกตา กล่องพลาสติกบรรจุอาหารที่หลากหลาย ตรงกับอาหารแต่ละประเภทที่ต้องการใช้บรรจุ หลอดพลาสติกบรรจุอาหาร เครื่องดื่ม อาทิ นมเปรี้ยว น้ำเต้าหู้ ขวดบรรจุครีมบำรุงผิว ครีมอาบน้ำ ซองพลาสติกใส่อาหารสำเร็จรูปหลากหลายชนิด เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น

“เราพบว่าในยุคนี้ ลูกค้าไม่ได้ซื้อบรรจุภัณฑ์แบบเดียว แต่ซื้อหลายๆแบบ รวมทั้งรสนิยมในการเลือกซื้อเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยเทรนด์ของไลฟ์สไตล์ที่น่าจับตามองของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเน้นความสะดวกสบาย ส่งผลต่อการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ต้องใช้งานง่าย สะดวก ไม่เปลืองเวลา มีขนาดพอดี ปลอดภัยและมีมาตรฐาน และเทรนด์สุดท้ายคือการเปลี่ยนแปลงของดิจิทัลแพลตฟอร์ม และการเติบโตของอีคอมเมิร์ซที่ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป โดยหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้บรรจุภัณฑ์เติบโตตามไปด้วย”

ขณะเดียวกัน แนวโน้มกลุ่มลูกค้ายังให้ความสำคัญในด้านประสิทธิภาพการผลิตและด้านต้นทุน เอสซีจีจึงได้พัฒนากระดาษที่มีแกรม บางลง ขณะที่คุณภาพแข็งแรงเท่าเดิม (Light-weight) และการออกแบบบรรุจภัณฑ์ลูกฟูกที่ช่วยลดเวลาในการจัดเรียงสินค้าขึ้นชั้นวางจำหน่ายในห้างร้านและพร้อมใช้งานทันที ณ จุดจำหน่าย ที่เรียกว่า Shelf-Ready Packaging นอกจากนั้น ยังให้ความสำคัญกับข้อมูล โดยเอสซีจี แพ็กเกจจิ้งได้นำระบบดิจิทัลใหม่ๆ เข้ามาเป็นตัวเสริมให้กับธุรกิจของลูกค้าด้วย เช่น Data Analytic & Visibility หรือการช่วยบริหารจัดการการผลิตให้กับลูกค้า ทำให้ข้อมูลมีความแม่นยำ ตรงเวลา ซึ่งทำให้เกิดการผลิตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น.