นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดน้ำดื่มยังแข่งขันรุนแรง เพราะตลาดเครื่องดื่มปี 60 นั้น น้ำดื่มเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่มีอัตราการเติบโต ขณะที่ตลาดเครื่องดื่มอื่นหดตัวลงเกือบทุกตลาด ซึ่งในส่วนของน้ำดื่มสิงห์ทุกบรรจุภัณฑ์ มีอัตราการเติบโตในทิศทางเดียวกับตลาด โดยขวดเพ็ท (PET) และขวดแก้วโต 10% มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 21% “ช่วง 4-5 ปีก่อน น้ำดื่มสิงห์เคยมีส่วนแบ่งตลาด 27% ปี 59 ลดลงมาอยู่ที่ 22% และปัจจุบันมีสัดส่วนลดลงต่อเนื่อง เป็นผลจากคู่แข่งหลักในตลาดหันมารุกทำตลาดเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะใช้กลยุทธ์ด้านราคาในช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่ หรือโมเดิร์นเทรด ขณะที่บริษัทไม่มีนโยบายเล่นเรื่องราคาและไม่ทำโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม มากจนเกินไป จนทำให้ธุรกิจเสียผลกำไรเกินความจำเป็น แต่จะเลือกเจาะช่องทางอื่นๆที่ยังมีศักยภาพหรือเป็นบลูโอเชียนเพิ่มขึ้น”
นายธิติพรกล่าวต่อว่า ขณะนี้ช่องทางจำหน่ายน้ำดื่มสิงห์ แบ่งเป็นร้านค้าดั้งเดิม 50% ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ 50% ขณะที่ปี 61 บริษัทมีเป้าหมายผลักดันยอดขายไปอยู่ในช่องทางร้านค้าดั้งเดิมเพิ่มเป็น 55% โดยเฉพาะช่องทางพิเศษ ได้แก่ โรงเรียน โรงพยาบาล สนามฟุตบอล นิคมอุตสาหกรรม ร้านอาหาร ผ่านการทำตลาดร่วมกัน (co-brand) เป็นต้น โดยใช้เครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่แข็งแกร่งกว่า 200 รายทั่วประเทศ ในการเข้าไปบุกช่องทางนี้เพิ่ม “ปีหน้าจะผลักดันช่องทางร้านค้าดั้งเดิม เพราะไม่อยากแข่งราคาในห้างค้าปลีกสมัยใหม่ พร้อมลุยขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ จากเดิมที่ภาพลักษณ์เป็นกลุ่มครอบครัว”
สำหรับภาพรวมตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดปี 60 มีมูลค่า 43,000 ล้านบาท แบ่งตามบรรจุภัณฑ์เป็นน้ำดื่มขวด PET 90% โต 11.5% ขวดแก้ว 10% สิงห์มีส่วนแบ่งตลาดแบบขวด PET 20% แบบขวดแก้วมีส่วนแบ่งตลาด 45.2% คาดว่าปี 61 ตลาดจะมีมูลค่าแตะ 50,000 ล้านบาท.