กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ให้ยกระดับการดำเนินคดีตามกฎหมายสำหรับผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจโรงแรมเถื่อนให้เข้มงวดมากขึ้น โดยทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสมาคมโรงแรมไทย มีความเห็นตรงกันที่จะเพิ่มอำนาจของผู้มีบทบาทในการจับกุม ซึ่งจะช่วยเรื่องการจัดระเบียบโรงแรมที่ยังไม่เข้าระบบให้เข้าสู่ระบบได้มากขึ้น “ปัจจุบันผู้ทำผิดมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ขณะที่สมาคมโรงแรมไทยได้หารือกับมหาดไทย ให้เพิ่มโทษคือจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000-200,000 บาท และปรับต่อวัน 20,000 บาท ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพื่อออกเป็นกฎกระทรวง”
นางกอบกาญจน์กล่าวต่อว่า ยังได้สั่งให้กองพัฒนาบริการการท่องเที่ยว เพิ่มหน้าที่การทำงานในส่วนการดูแลมาตรฐานโรงแรมในประเทศทั้งหมด โดยเฉพาะการตรวจสอบและให้ความรู้กับโรงแรมที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ที่ทำธุรกิจครอบครัว ซึ่งไม่ได้ตั้งใจทำผิดกฎหมายให้เข้ามาอยู่ในระบบง่ายขึ้น ขณะที่นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมโรงแรมไทยกล่าวว่า ได้เสนอให้ภาครัฐที่มีหน้าที่จับกุม แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารกับโรงแรมที่มาเปิดแบบผิดประเภท เช่น นำห้องพักรายเดือนมาเปิดเป็นห้องเช่ารายวัน นำอาคารพาณิชย์มาทำเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งการแจ้งข้อหานี้จะสามารถปิดกิจการโรงแรมเหล่านั้นได้ แก้ปัญหาที่บางโรงแรมทำผิดกฎหมายและยอมเสียค่าปรับ เพราะมองว่าคุ้มค่ากับรายได้ที่ได้รับ
ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 1-8 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วงโกลเด้นท์ วีก วันชาติของจีน คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทย 260,000 คน เพิ่มขึ้นถึง 35% จากปีก่อน กระจายตัวในหลายพื้นที่ เช่น กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และเกาะสมุย และจะสร้างรายได้แก่ประเทศกว่า 11,000 ล้านบาท จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเตรียมการรับมือเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว.