หมอชาย หุ้นพอร์ทระเบิด ผู้นั่งรถทัวร์ 6 ชั่วโมง เพื่อเรียนเรื่องหุ้น สู่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ

Business & Marketing

Executive Interviews

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หมอชาย หุ้นพอร์ทระเบิด ผู้นั่งรถทัวร์ 6 ชั่วโมง เพื่อเรียนเรื่องหุ้น สู่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ

Date Time: 28 ก.ย. 2567 08:00 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • ปัจจุบันการเริ่มต้นลงทุนทำได้ง่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แตกต่างจากอดีตที่ต้องพยายามมากในการหาข้อมูล นพ.จักรินทร์ สราญฤทธิชัย หรือ "หมอชาย" เจ้าของเพจ "หุ้นพอร์ทระเบิด" เป็นตัวอย่างของนักลงทุนที่เริ่มต้นจากการศึกษาผ่านหนังสือและสัมมนา ก่อนพัฒนากลยุทธ์การลงทุนจากแนว VI สู่ Hybrid ด้วยการผสมผสานการวิเคราะห์พื้นฐานและเทคนิค นอกจากนี้เขายังขยายการลงทุนสู่หุ้นต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยง สำหรับนักลงทุนมือใหม่ หมอชายแนะนำให้พิจารณาความสามารถในการรับความเสี่ยงและศึกษาให้รอบด้านเพื่อหาสินค้าที่เหมาะสมในตลาดหุ้นที่กำลังฟื้นตัว

จุดเริ่มต้นเข้าสู่วงการลงทุนในยุคนี้นั้นทำได้ง่ายมาก เพียงแค่เปิดโซเชียลมีเดีย ก็มีข้อมูลและความรู้ที่หลากหลายให้กับผู้ที่สนใจได้ศึกษา ต่างกับสมัยก่อนเมื่อย้อนหลังไปกว่า 10 ปี ที่ต้องอาศัยความพยายามในการเข้าถึงข้อมูลด้านการลงทุน ทั้งการอ่านหนังสือด้านการลงทุน และการร่วมงานสัมมนา อย่างใน  “หมอชาย”  นพ.จักรินทร์ สราญฤทธิชัย เจ้าของเพจ "หุ้นพอร์ทระเบิด" ที่มีจุดเริ่มต้นการเรียนรู้ด้านการลงทุนจากอ่านหนังสือ รวมถึงการต้องนั่งรถโดยสารประจำทางจากขอนแก่นมายังกรุงเทพ ใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง เพื่อร่วมงานสัมมนาการลงทุน ก่อนก้าวเป็นนักลงทุนแถวหน้า โดยหมอชายมองว่า เวลานี้เป็นโอกาสของนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาในตลาดหุ้น ทั้งการหาข้อมูลที่ง่าย และจังหวะตลาดที่ฟื้นตัว 


หมอชาย นพ.จักรินทร์ สราญฤทธิชัย เจ้าของเพจ "หุ้นพอร์ตระเบิด" เล่าให้ Thairath Money ฟังว่า จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่โลกของการลงทุน ช่วงนั้นเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 และเริ่มมองว่า ในอนาคตจะมีรายได้เข้ามา ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือการหาวิธีบริหารจัดการเงิน 


“สาเหตุที่เริ่มสนใจการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะตอนใกล้เรียนจบในปี 6 เรามองว่ากำลังจะมีรายได้ ดังนั้นการบริหารจัดการเงินส่วนบุคคลจึงเป็นเรื่องจำเป็น ทั้งการป้องกัน wealth และการสร้างความมั่งคั่ง."


นั่งรถ 6 ชั่วโมงเพื่อหาความรู้


การหาความรู้ในเวลานั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ต่างจากเวลานี้ที่มีโซเชียลมีเดียเป็นตัวช่วยหาข้อมูล ซึ่งนอกจากการหาหนังสืออ่าน อีกวิธีหนึ่งที่จะได้ความรู้คือการเข้าร่วมงานสัมมนา ที่ช่วยสร้างความรู้ได้อย่างดี โดยสัมมนาแรกที่ไปฟังคือ “เฟ้นหุ้นดี รับปีเถาะ” โดยมีดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุน VI ชื่อดังไปร่วมด้วย แต่การเข้าร่วมงานสัมมนาในเวลานั้นค่อนข้างยากลำบาก


“สมัยก่อนการหาความรู้ด้านการลงทุนเป็นเรื่องยากมาก จะไปร่วมงานสัมมนา ออกเวรแล้วก็ขึ้นรถ ต้องนั่งรถประจำทางจากขอนแก่นไปกรุงเทพ เดินทาง 6 ชั่วโมงเพื่อไปฟังงานสัมมนาแล้วก็นั่งรถกลับมา”


ต่อมาเริ่มทำงานเป็นหมอ ก็เข้าร่วมงานสัมมนาต่อเนื่อง อย่างงานมันนี่ เอ็กซ์โปร ที่อุดรธานี ที่เวลานั้นต้องอยู่เวรจนถึงเช้า เพื่อไปฟังกวี ชูกิจเกษม ต้นแบบนักลงทุนแนว VI ชื่อดัง แล้วกลับมาทำงานต่อ ซึ่งสะท้อนว่าเรารักในด้านการลงทุนจริงๆ


จาก VI สู่นักลงทุน Hybrid


ในด้านผลตอบแทนการลงทุนช่วง 2-3 ปีแรก ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี โดยส่วนตัวเน้นการลงทุนในกลุ่มหุ้นพื้นฐาน แต่เราพบว่า เมื่อดูพื้นฐานอย่างเดียวในการลงทุน แต่ต่อมาเกิดพื้นฐานเปลี่ยนแล้วเราไม่รู้ ธุรกิจเปลี่ยน ทำให้หุ้นที่ถืออยู่จากกำไรเยอะมาก ปรับตัวลดลง จึงได้เปลี่ยนวิธีการลงทุน โดยนำกราฟเทคนิคมาใช้ด้วย


ที่ผ่านมาเจอกับสถานการณ์ COVID-19 แพร่ระบาด ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงรุนแรง การปรับรูปแบบการลงทุนช่วยให้พอร์ตปรับตัวดีขึ้น แม้หุ้นในพอร์ตจะปรับตัวลดลงไปบ้างแต่ไม่ได้เยอะ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในด้านการลงทุนพอสมควร ช่วงนั้นเห็นโอกาสหลายตัวที่น่าสนใจ ทั้งกลุ่มหุ้นถุงมือยาง โรงพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ การใช้ ATK ที่เราเริ่มเห็นและเชี่ยวชาญจากความเป็นหมอ นำความรู้มาต่อยอดจนประสบความสำเร็จ


ลุยหุ้นนอกกระจายความเสี่ยง


สำหรับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะต้มกบ การลงทุนจึงยากกว่าในอดีต ทำให้มีการปรับพอร์ตการลงทุนไปบ้าง โดยเข้าลงทุนในกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ 40% ของพอร์ต สาเหตุที่เลือกกองทุนรวมเพราะค่อนข้างชอบหุ้นสหรัฐ และเคยลงทุนเอง คิดว่าทำการบ้านยาก ถ้าเราเชื่อว่ามันจะดีก็ลงทุนผ่านกองทุนรวมไปเลย


อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยมองว่าพื้นฐานเปลี่ยนแล้ว อยู่ในช่วงต้นรอบ หุ้นใหญ่จะขึ้นก่อน ก่อนที่หุ้นกลางและหุ้นเล็กจะตาม แยกเป็นสองส่วน ตลาดหุ้นกับธุรกิจจริง ซึ่งหุ้นเป็นเครื่องสะท้อนความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจอยู่แล้ว และเศรษฐกิจสำคัญที่เชื่อมั่นว่าจะสร้างความเชื่อมั่นในการจับจ่าย


ในความเป็นจริงช่วงที่ผ่านมาคนไทยรวยขึ้น เห็นได้จากเงินในระบบ ปริมาณของทรัพย์สินทางการเงินที่ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน หรือ M1 และสินทรัพย์ทางการเงินที่ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน M2 เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด แต่กระจุกตัวกับคนบางกลุ่ม ภาพหุ้นไทยครึ่งหลังถึงกลางปีหน้าจะเป็นขาขึ้น


โฟกัสหุ้นขนาดกลางที่เน้นการเติบโตสูง


โดยจะเลือกธุรกิจที่เป็น B2C ก่อนเพราะเราจะสัมผัสได้ง่าย เช่น หุ้นเครื่องดื่ม เราดูได้ว่าโปรดักต์ของเขาดีขนาดไหน หรืออะไรที่จับต้องได้ง่าย อย่างกลุ่มนิคม ที่ตัวเลข FDI เริ่มดีขึ้น


เป้าหมายการลงทุนคืออยากสำเร็จใกล้ๆ กับไอดอล อย่างพี่หมอวิน หรือนายแพทย์รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา หรือหมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี เห็นแบบอย่างที่ดี และอยากพัฒนาตัวเองมากขึ้นให้อยู่ในระดับนั้นให้ได้


โอกาสของคนรุ่นใหม่


อย่างไรก็ตาม สำหรับมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุน หมอชายมองว่า ถ้าคนที่ไม่เคยลงทุนมาก่อนอยากลงทุนในจังหวะนี้ ผมมองว่าจะต้องพิจารณาที่ตัวเราก่อน ว่ารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน นักลงทุนส่วนมากเข้าตลาดและเห็นสิ่งแวดล้อม มีคนกำไร และไม่รู้ว่าตัวเองรับความเสี่ยงไม่ได้เลย นักลงทุนรายใหญ่ต้องรู้จักตัวเอง เช่น ดูทางเลือกกองอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวม หรือคริปโต ซึ่งตลาดหลักทรัพย์มีสินค้าหลากหลาย ตอนนี้มี DR ด้วยก็หาสิ่งที่ชอบได้


และถ้ารับความเสี่ยงได้ก็ต้องหาความรู้ อ่านหนังสือภาพรวมก่อนว่าเหมาะกับแบบไหน นักลงทุนโชคดีมากที่มาในจังหวะที่ SET มา 1,400 จุด จริงแต่ถ้ามองสถานการณ์ตอนนี้เราไม่ได้แพง 

อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังคงเดินหน้าให้ความรู้ในนักลงทุนในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง  โดยจะมีการจัดงาน  ตลาดหลักทรัพย์ สัญจร จ.ขอนแก่น “หาโอกาสในตลาดหุ้น สร้างพอร์ตลงทุนให้เติบโต”โดยในวันที่ วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2567  เวลา 9.00 - 16.00 น. (เริ่มลงทะเบียน เวลา 8.30 น.) ที่ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น สร้างโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นไทย 

ลงทะเบียนได้ที่ https://setga.page.link/m4Z5


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ