กลุ่มสิงห์ ใหญ่นอกประเทศ ปั้น“ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” รีสอร์ตหรูของคนไทย ชู SO Maldives จิ๊กซอว์สำคัญ

Business & Marketing

Executive Interviews

Tag

กลุ่มสิงห์ ใหญ่นอกประเทศ ปั้น“ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” รีสอร์ตหรูของคนไทย ชู SO Maldives จิ๊กซอว์สำคัญ

Date Time: 1 เม.ย. 2567 09:58 น.

Video

โมเดลธุรกิจ Onlyfans ทำไมถึงมีแต่ได้กับได้ ? บริษัทมั่งคั่ง คนทำก็รวย | Digital Frontiers

Summary

  • จับตา กลุ่มสิงห์ ยิ่งใหญ่นอกประเทศ ส่ง SHR ปั้นอาณาจักร “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” เกาะสัมปทาน รีสอร์ตหรูของคนไทย เป็นแหล่งอนุรักษ์ทางทะเล ตั้งเป้าเป็นพื้นที่ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีสัตว์ทะเลหายาก นอกเขตพื้นที่คุ้มครองของมัลดีฟส์ กลยุทธ์เหนือชั้น ตั้งแต่ถมทรายเม็ดแรก จับเทรนด์ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เปิดจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ปิดจ๊อบเฟสแรก ก่อนลุยอีก 6 เกาะ "SO Maldives" วิลล่าหรูเหนือน้ำ พระเอกของพอร์ต ที่จะจับไฮโซ คนไทย และต่างชาติ แบบอยู่หมัด

Latest


อาจมีไม่มากคนนักที่จะรู้ว่า กลุ่มบุญรอด บริวเวอรี่ หรือ สิงห์ ของไทย นอกจากเป็นผู้ผลิตเบียร์รายแรก และรายใหญ่ที่สุดแล้ว อีกหนึ่งหน่วยธุรกิจที่สำคัญสร้างชื่อ ยังมาจาก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้บริษัทมหาชน ที่ชื่อว่า “สิงห์ เอสเตท”

โดยสิงห์ เอสเตท เป็นเจ้าของโครงการระดับอัลตราลักชัวรี่ ทั้งในกลุ่มอาคารสำนักงาน, โครงการที่อยู่อาศัย อย่าง สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส บ้านเดี่ยว ที่ขึ้นแท่นว่าแพงที่สุดในประเทศไทย ในราคาเริ่มต้น 245-360 ล้านบาท 

ขณะเซกเตอร์สำคัญที่สร้างรายได้ให้บริษัทเติบโต พลิกกำไรกลับขึ้นมาหลายเท่าตัว คือ ธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ต ทั้งในและต่างประเทศ ในมือของ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR 

โดยในหมู่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีในฐานะเจ้าของโปรเจกต์ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS Maldives)” ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อกันยายน ปี 2562 ในนามของทุนไทย 

ขณะโปรเจกต์นี้เองถูกขนานนามว่า เป็นโครงการที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมัลดีฟส์ หลังได้รับเลือกให้มาดำเนินกิจการโรงแรมและที่พักได้ จาก 200 กว่าเกาะ ที่รัฐบาลมัลดีฟส์เปิดสัมปทาน 

สิงห์ ดันอาณาจักร “ครอสโร้ดส์” ตั้งเป้าเป็นแหล่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของมัลดีฟส์ 

ล่าสุด ThairathMoney ได้รับเชิญร่วมภารกิจบินลัดฟ้าไปชมความยิ่งใหญ่ของโปรเจกต์ และติดตามความคืบหน้าการอนุรักษ์หมู่เกาะ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” ด้วยสายตาตนเอง โดยได้รับการเปิดเผยข่าวใหญ่จาก “ไมเคิล มาร์แชล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SHR ว่า ปัจจุบัน ครอสโร้ดส์ ของคนไทย อาจะได้ยกระดับสู่ “อัญมณีแห่งมหาสมุทรอินเดียในหลายๆ แง่ไม่ยาก 

เนื่องจาก บริษัทกำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อตั้งเป้าให้พื้นที่ดังกล่าว เป็น แหล่งอนุรักษ์พื้นที่ทางทะเลที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีสัตว์ทะเลหายาก IUCN red listed เข้ามาอยู่อาศัย อีกทั้ง จะเป็นแหล่งของปะการัง ที่มีความทนทานต่ออุณหภูมิสูง resilience coral

หลังจากช่วงเดือนธันวาคม ปี 2566 ที่ผ่านมา ครอสโร้ดส์ มีการลงนามข้อตกลงสำคัญกับกระทรวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อม และพลังงานของมัลดีฟส์ เพื่อปกป้องเกือบหนึ่งในสาม (31%) ของพื้นที่โครงการทั้งหมด

โดยตัวแปรที่อาจทำให้ ครอสโร้ดส์ ประสบความสำเร็จอาจมาจากแนวคิดการพัฒนาเกาะอย่างยั่งยืนตั้งแต่แรกเริ่ม หัวใจสำคัญ คือ ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล ซึ่งมีห้องปฏิบัติการชีววิทยาทางทะเลที่ทันสมัย และดำเนินโครงการที่สำคัญ เช่น การขยายพันธุ์ปะการัง ตลอดจนโครงการอนุรักษ์สัตว์ทะเลใกล้สูญพันธุ์ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ยังได้รับการรับรอง Green Globe™ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ต่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง

“ไมเคิล” และทีมงาน เล่าต่อว่า เดิมพื้นที่ทั้งหมดของมัลดีฟส์ คือ แนวปะการังซึ่งรัฐบาลมีการแบ่งโซนชัดเจน เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ, ชุมชนอยู่อาศัยของคนมัลดีฟส์ และโซนโรงแรมกิจการท่องเที่ยว 

ทั้งนี้ มัลดีฟส์ มีนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดจริงจังมาก เพราะ 99.99% เป็นทะเล โดยเฉพาะเรื่องการอนุรักษ์ปะการัง ผ่านการใช้กฎหมาย และบทลงโทษสูงสุด สำหรับผู้ได้รับสัมปทานพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เช่น หากกรณีมีการวิ่งเรือมาชนปากะรัง จะโดนโทษปรับถึง 100 ล้านรูเฟีย  

ขณะเดียวกัน เจ้าของเกาะ เจ้าของรีสอร์ต ต้องเป็น Sustainable Tourism มีระบบบำบัดน้ำเสีย โซลาร์เซลล์ จัดการความสะอาดและปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่เช่นนั้นอาจถูกเพิกถอนสัมปทานได้ 

อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวคิดการพัฒนาโครงการตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ สอดคล้องสัมฤทธิ์ผลตรงตามความต้องการของรัฐบาลมัลดีฟส์ ด้วยกลยุทธ์การท่องเที่ยวแบบ "ยั่งยืน" 

“หนึ่งในกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของ SHR คือ การพัฒนาพื้นที่ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเรามีนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลชาวไทยเป็นทีมงาน และศึกษาและจัดทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ เราตั้งเป้าอนุรักษ์พื้นที่ทางทะเลที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีสัตว์ทะเลหายาก IUCN red listed เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ และเรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในเผยแพร่และประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อการศึกษา และความตระหนักรู้ของประชาชน”

ทั้งนี้ ส่วนดังกล่าวยังได้กลายเป็นจุดเด่นของโปรเจกต์ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาที่นี่ เนื่องด้วยสอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวมสมัยใหม่ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกมุ่งเน้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในเชิงการท่องเที่ยว และให้ความนิยมกับสถานที่ที่มีการใส่ใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย 

เที่ยวมัลดีฟส์พีก คนไทยติด TOP 10 นักท่องเที่ยวกลุ่มสำคัญ

สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวของเกาะมัลดีฟส์นั้น ผู้บริหาร SHR ระบุว่า หลังโควิด-19 มัลดีฟส์ นับเป็นประเทศแรกที่เปิดอย่างเป็นทางการ บวกกับความนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งมัลดีฟส์นับเป็นจุดหมายปลายทางระดับ Top ในประเทศท่องเที่ยวหมู่เกาะ ทำให้ธุรกิจโรงแรมมีรายได้ฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว

โดยจุดเปลี่ยนสำคัญคาดว่ายังจะมาจากแผนพัฒนา ขยายสนามบินแห่งที่ 2 ของมัลดีฟส์ในเร็วๆ นี้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวันมากขึ้นอีกหลายเท่าตัวอีกด้วย 


Top 4 กลุ่มนักท่องเที่ยว 

  • รัสเซีย 
  • ยูเครน 
  • เยอรมนี
  • อินเดีย 

ขณะนักท่องเที่ยวคนไทยนั้น มัลดีฟส์ ก็เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญ ขึ้นมาเป็นนักท่องเที่ยวติด Top 10 ของมัลดีฟส์ โดยเฉพาะกลุ่มคู่รัก/ครอบครัว 

“โซ มัลดีฟส์” จิ๊กซอว์ตัวที่ 3 ของ ครอสโร้ดส์ ก่อนเริ่มเฟส 2 

กระแสท่องเที่ยวร้อนแรงในมัลดีฟส์ กลายเป็นจังหวะและโอกาสครั้งใหญ่ของสิงห์ เอสเตท จากแผนพัฒนา ครอสโร้ดส์ เกาะสร้างถมใหม่ 9 เกาะ ขณะนี้พัฒนาแล้วเสร็จแล้ว 3 เกาะ ก่อร่างกลายเป็นอาณาจักรอสังหาฯ ยิ่งใหญ่นอกประเทศที่น่าจับตามอง 

ประกอบด้วยรีสอร์ต 3 แห่ง ได้แก่ 

  • “ทราย ลากูน มัลดีฟส์, คูริโอ คอลเลคชั่น บาย ฮิลตัน” (SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton) ที่ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อนสำหรับคู่รัก ครอบครัว และกลุ่มเพื่อนที่มองหาความเงียบสงบ และกิจกรรมสนุกๆ มากมาย 
  • “ฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์” (Hard Rock Hotel Maldives) รีสอร์ตที่ได้รับแรงบันดาลใจที่มาจากวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมไปถึงกลิ่นอายดนตรีแบบต้นตำรับ อันเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะลืมเลือน 
  • “โซ/ มัลดีฟส์” (SO/ Maldives) รีสอร์ตระดับไฮเอนด์บนเกาะส่วนตัว เป็นสวรรค์ของนักเดินทางผู้หลงใหลในแฟชั่นและศิลปะ

โดยรีสอร์ตทั้งสามสไตล์อันโดดเด่นนี้สามารถเชื่อมต่อกับ “เดอะมาริน่า แอท ครอสโร้ดส์” (The Marina @ CROSSROADS) ศูนย์รวมกิจกรรมอันหลากหลายของ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ตั้งแต่ทางเดินบนชายหาดยาวกว่า 800 เมตร เรียงรายไปด้วยร้านอาหารนานาชาติ บาร์ บีชคลับ ร้านค้าบูติก ศูนย์สุขภาพและสปา กีฬาทางน้ำ ศูนย์ดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น คิดส์คลับ รวมถึงท่าจอดเรือยอชต์ 30 ลำ ไปจนถึงศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรม (Maldives Discovery Centre) และศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล (Marine Discovery Centre) อีกด้วย

ผลตอบรับ โซ มัลดีฟส์ ดีเกินคาด คาดราคาต่อคืน 750-850 ดอลลาร์สหรัฐ 

“ไมเคิล” ระบุว่า การเปิดตัว โซ มัลดีฟส์ อย่างยิ่งใหญ่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ SHR และกลุ่มสิงห์ เพราะเท่ากับเสร็จสิ้นเฟสแรกของ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ อย่างเป็นทางการแล้ว 

สำหรับรีสอร์ต “โซ มัลดีฟส์” เกาะที่ 3 นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อขยายพอร์ตเติมเต็มกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของมัลดีฟส์ ด้วยแนวคิดไลฟ์สไตล์ที่หรูหราและแฟชั่นชั้นสูง จากแนวโน้มเทรนด์นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกลุ่มคนไทย และคนต่างชาติ

ตอบรับด้วยรูปแบบห้องพักแบบวิลล่าริมทะเล และวิลล่าเหนือน้ำ ออกแบบจากห้องแต่งตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟของสุดยอดนางแบบ เพื่อให้เป็นสถานพักสุดเซ็กซี่และหรูหราเหนือระดับอย่างแท้จริง รวมถึงประสบการณ์ด้านอาหารหลากหลายที่เป็นนวัตกรรมใหม่และสถานที่พบปะทางสังคม และ “Lazuli Beach Club” (ลาซูลิ บีชคลับ) ที่ให้ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศอันคึกคักของปาร์ตี้ในยามค่ำคืน สนุกกับการมิกซ์เพลงของดีเจระดับโลก ไปจนถึง “Wellness Camp” ศูนย์การผ่อนคลายแบบองค์รวม และศูนย์ออกกำลังกายครบวงจรทันสมัย

 

ทั้งนี้ปรากฏว่าเพียง 4 เดือนหลังจากการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ โซ/มัลดีฟส์ มีจำนวนผู้เข้าพักเพิ่มขึ้นเกือบ 60% ในเดือนกุมภาพันธ์ และคาดว่าอัตราค่าห้องพักรายวันเฉลี่ย (ADR) ในปี 2567 นี้จะอยู่ประมาณ 750-850 ดอลลาร์สหรัฐ 

ซึ่งจะส่งผลให้ ADR สำหรับกลุ่มโรงแรมในมัลดีฟส์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15-20% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับปี 2566 เป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินงานที่กำหนดไว้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตอกย้ำ SHR เรื่องศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดย RevPAR คาดว่าจะ เพิ่มขึ้น 25% ในปี 2567

“โซ มัลดีฟส์ ช่วยขยายความน่าดึงดูดของจุดหมายปลายทางรีสอร์ตแบบครบวงจรที่มีหลายเกาะแห่งนี้ให้กว้างขึ้นอีก ด้วยอัตราเฉลี่ยที่สูง และประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ รวมถึงงานปาร์ตี้และกิจกรรมที่ร้อนแรงที่สุดในมหาสมุทรอินเดีย โซ/มัลดีฟส์ จะช่วยยกระดับรายได้ของกลุ่มของเราอย่างมีนัยสำคัญ สร้างผลประโยชน์ระยะยาวสำหรับธุรกิจทั้งหมดของเรา และสำหรับอุตสาหกรรมการบริการในมัลดีฟส์”

จนอาจเรียกได้ว่า โซ มัลดีฟส์ เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของโปรเจกต์เฟสแรกที่จะเป็นตัวพลิกที่น่าสนใจ และจะดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้กับอาณาจักรครอสโร้ดส์ โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวลักชัวรี่อย่าง รัสเซีย ยูเครน เยอรมนี บราซิล ออสเตรเลีย และเม็กซิโก ที่นี่ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวอื่นๆ นอกจากกลุ่มเดิมลักชัวรี่ รัสเซีย ยูเครน เยอรมนี บราซิล ออสเตรเลีย เม็กซิโก 

ครอสโร้ดส์ ดึงนักท่องเที่ยวได้แล้วกว่า 2 แสนราย 

ทั้งนี้ที่ผ่านมา ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้มากกว่า 211,300 ราย และกระจายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น การเดินทางแบบครอบครัวและกลุ่มบริษัท ขณะการเข้ามาของนักท่องเที่ยวคนไทยส่วนใหญ่นิยมจองเข้าพักที่ ฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ และเข้ามาใช้บริการในส่วนของ เดอะมาริน่า แอท ครอสโร้ดส์ ที่มีร้านอาหารและบาร์อันหลากหลาย 14 แห่ง

รวมถึง “เดอะ บีช คลับ” (The Beach Club) จุดศูนย์รวมร้านอาหารสุดพรีเมียมริมทะเล สระว่ายน้ำแบบไร้ขอบวิวทะเล เจลาโต้บาร์ ร้านค้า และบาร์ แบรนด์ระดับโลก อีกด้วย 

“ไมเคิล” เผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมามีคู่รักคนไทยมีจัดงานแต่งงานที่นี่รวม 2 คู่รัก และ ยังมีธุรกิจธนาคารมาทำกิจกรรมจัดงานอีเวนต์ที่เกาะแห่งนี้อีกด้วย เนื่องจากจุดเด่นที่ตั้ง ที่ใกล้กับเมืองหลวงมัลดีฟส์ มาเลย์ เพียงแค่ 15 นาที ทำให้กลายเป็นเป้าหมายจัดงานอีเวนต์ทั้งของคนมัลดีฟส์ และกลุ่มนักท่องเที่ยว กลุ่มไมซ์ชาติต่างๆ อีกด้วย ขณะการพัฒนาโปรเจกต์เฟสที่ 2 ซึ่งยังเหลืออีก 6 เกาะนั้น ขณะนี้มีการถมพื้นที่รอแล้ว โดยจะมีการพัฒนาโรงแรม-รีสอร์ต แบรนด์ใหม่ๆ ตามทิศทางเทรนด์การท่องเที่ยวที่เป็นโอกาส เพื่อเป้าหมายการเป็นผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตระดับนานาชาติ

ทั้งนี้ “โซ/มัลดีฟส์” โครงการร่วมทุนมูลค่ากว่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐ ของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ในเครือสิงห์ เอสเตท และ Wai Eco World Developer (WEWD) กลุ่มธุรกิจชั้นนำ ดำเนินงานโดย เอนนิสมอร์ (Ennismore) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการต้อนรับและบริการที่มีคอนเซปต์สุดสร้างสรรค์ ประกอบด้วยคอลเลกชั่นแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ต รวมถึงร้านอาหาร และบาร์ทั่วโลก 

ตั้งอยู่ใน เอ็มบูดู ลากูน (Emboodhoo Lagoon) หมู่เกาะคาฟุ (Kaafu Atoll) พร้อมต้อนรับนักเดินทางด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก โดยใช้เวลาเพียง 15 นาที จากสนามบินนานาชาติมัลดีฟส์ โดยสปีดโบ๊ต ทำให้เดินทางมาพักผ่อนได้สะดวกไม่ว่าจะเป็นการมาพักผ่อนช่วงสั้นๆ หรือระยะยาว.


Author

อุมาภรณ์ พิทักษ์ (เหน่ง)

อุมาภรณ์ พิทักษ์ (เหน่ง)
เศรษฐกิจ การเงิน ลงทุน และ อสังหาริมทรัพย์