Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

"กุลวัชร ภูริชยวโรดม" จากโชนัน สู่ ก๋วยเตี๋ยวเรือ "เสือหน้าหยก" นักธุรกิจสู้แบบมีกลยุทธ์

Date Time: 29 มี.ค. 2568 05:15 น.

Summary

  • “คุณปอ กุลวัชร ภูริชยวโรดม” หนุ่มใหญ่หน้าใสวัย 45 เล่าที่มาที่ไปของเส้นทางการเป็นเจ้าของร้านอาหารข้าวหน้าเนื้อ “โชนัน” (Chou Nan) ที่เลื่องชื่อ และก๋วยเตี๋ยวเรือ “เสือหน้าหยก” ก๋วยเตี๋ยวเรือพรีเมียม ที่กำลังบุกฟู้ดคอร์ตในห้างค้าปลีกทั่วกรุงและทั่วไทย!

จากลูกเจ้าของโรงสีจังหวัดลพบุรี จากเด็กจบปริญญาโทคณะเศรษฐศาสตร์ สหรัฐอเมริกา เคยได้รับเลือกเข้าโปรแกรมฝึกงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ผ่านการทำงานในธุรกิจบริหารจัดการการลงทุน ผ่านการเป็นที่ปรึกษาประเมินความเสี่ยงให้ธุรกิจ

สู่การเป็นเจ้าของร้านอาหารข้าวหน้าเนื้อ “โชนัน” (Chou Nan) ที่เลื่องชื่อ และก๋วยเตี๋ยวเรือ “เสือหน้าหยก” ก๋วยเตี๋ยวเรือพรีเมียม ที่กำลังบุกฟู้ดคอร์ตในห้างค้าปลีกทั่วกรุงและทั่วไทย!!

“คุณปอ กุลวัชร ภูริชยวโรดม” หนุ่มใหญ่หน้าใสวัย 45 เล่าที่มาที่ไปของเส้นทางนี้ว่าต้นเหตุเพราะ “ติดใจ” ข้าวหน้าเนื้อสไตล์ญี่ปุ่นตอนเรียนอยู่ที่สหรัฐฯ แม้จะผ่านการเป็นพนักงานออฟฟิศและกลับมาช่วยกิจการโรงสีที่บ้าน

แต่ด้วยความอยาก Challenge ตัวเอง เมื่อน้องชายเข้ามาช่วยธุรกิจที่บ้านแทนในปี 2552 เมื่อสบโอกาส เขาในวัย 29 จึงทิ้งทุกอย่างและกระโดดเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยตัวเอง โดยเปิดร้านขาย “ข้าวหน้าเนื้อโชนัน” แห่งแรกที่สุขุมวิท 24 หลังห้างเอ็มโพเรียม

“ผมชอบธุรกิจค้าปลีก อยากเปิดซุปเปอร์มาร์เกตของตัวเอง แต่เมื่อเจอ “แมคโดนัลด์ โมเดล” ซึ่งเป็นรูปแบบมาตรฐานการบริหารจัดการ ฟู้ด รีเทล เชนร้านอาหาร ทำให้สนใจอยากทำร้านอาหาร ที่เราสามารถสร้างมาตรฐาน และขยายสาขาไปทั่วประเทศหรือทั่วโลกได้ โดยอยากขายอาหารจานด่วนที่เป็นอาหารญี่ปุ่น เมนูจานเดียวจบ ซึ่งไม่ค่อยมีในตลาด ตอนแรกตั้งใจซื้อแบรนด์ที่เป็นเจ้าของเชนร้านอาหารญี่ปุ่น แต่การเจรจาไม่ลงตัว จึงตัดสินใจทำเอง”

โดยต้นปี 2552 บินไปดูตลาดวัตถุดิบอาหารที่ญี่ปุ่น และกลับมาเรียนการทำข้าวหน้าเนื้อกับคนญี่ปุ่นที่มาเปิดร้านอาหารที่ไทยและนำมาปรับสูตรเมนูต่างๆ ก่อนตัดสินใจเปิด “คีออส” ร้านข้าวหน้าเนื้อ ที่สยามพารากอน ปรากฏว่าได้การตอบรับที่ดีมาก จึงตัดสินใจไปเปิดร้านสาขาแรกที่สุขุมวิท 24 ทันที “ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือน เพราะผมเป็นคนตัดสินใจเร็ว เมื่อจัดการทุกอย่างจนพร้อม และมั่นใจแล้ว ผมลงมือทำทันที”

“คุณปอ” บอกว่า ก่อนเปิดร้านได้ติดต่อหาโรงงาน ซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่มีความเป็นมืออาชีพมีคุณภาพและมีมาตรฐาน เพื่อป้อนวัตถุดิบให้ เพราะตั้งใจทำทุกอย่างให้มีมาตรฐานและมีความเป็นมืออาชีพตั้งแต่เริ่มนับหนึ่ง โดยเขาได้สร้างระบบการบริหารจัดการ QSCM Management ทั้งการบริหารจัดการด้านคุณภาพอาหาร การบริการและความสะอาด ตลอดจนถึงการบริหารจัดการพนักงาน สต๊อกวัตถุดิบ

และไม่นาน “โชนัน” ก็ได้ขยายสาขาเข้าไปในห้างทั่วกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เรียกว่า เขาจับเอาคัมภีร์ หลักการบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหาร มาเป็นหลักยึดการทำงานตั้งแต่เริ่มคิดและเริ่มทำ ในฐานะนักเศรษศาสตร์ และนักบริหารจัดการความเสี่ยง โดย “โชนัน” มียอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี จนแตะหลัก 100 ล้าน!!

แต่เมื่อเกิดวิกฤติโควิด ทำให้ร้านต้องปิด ขณะที่เขามีหนี้อยู่ 20 กว่าล้าน และยังต้องเลี้ยงดูทีมงานจำนวนมาก จึงเปิดทำข้าวกล่องขายและรับทำออเดอร์เพื่อบริจาคให้กับหน่วยงานต่างๆ โชคดีที่เขามีทีมงานและพนักงานที่พร้อมร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน จึงทำให้ผ่านพ้นมาได้

จนเมื่อโควิดคลี่คลาย เขาปรับกลยุทธ์ใหม่เหลือร้านสาขาในห้างเพียง 3 แห่ง แต่เปิดโมเดลใหม่ โดยบุกเปิด “โชนันข้าวหน้าเนื้อ” ในฟู้ดคอร์ตแทน พร้อมเปิดแบรนด์ใหม่ “ก๋วยเตี๋ยวเรือ เสือหน้าหยก” ก๋วยเตี๋ยวเรือพรีเมียมเนื้อนำเข้าจากอเมริกา ซึ่งได้การตอบรับอย่างดี ทั้งจากรสชาติและราคา จนทำให้ขณะนี้ มี “โชนันข้าวหน้าเนื้อ” 70 สาขา และ “ก๋วยเตี๋ยวเรือ เสือหน้าหยก” อีก 70 สาขา กระจายอยู่ในฟู้ดคอร์ตห้างต่างๆ โดยใช้เวลาเพียง 2-3 ปี ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีร้าน “ข้าวมันไก่เสนา” และร้านอาหารตามสั่ง “ยอดเยี่ยมกระเทียมไทย” เพิ่มมาอีกด้วย

รอบนี้เขาใช้กลยุทธ์การทำธุรกิจแบบ lean efficiency management โดยทำให้ขนาดร้านเล็กลง ใช้คนน้อยลง ค่าใช้จ่ายลดลง แต่บริหารจัดการให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด สร้างยอดขายได้สูงสุด พื้นที่ทุกตารางนิ้วต้องบริหารให้ได้ประโยชน์สูงสุด เพราะพื้นที่ค่าเช่าในห้างสูงมาก ประกอบกับเทรนด์อาหารจานด่วนญี่ปุ่นเริ่มขาลง เราจึงนำ “ก๋วยเตี๋ยวเรือพรีเมียม” เข้าห้างแต่อยู่ในราคาที่จับต้องได้

“โควิดเจ็บมาเยอะ แต่ต้องรีบฟื้น ตอนนี้เราทำธุรกิจเน้น bottom line ดูที่กำไร แต่ลูกค้ายังได้อาหารรสชาติอร่อย มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดี โดยเรามาเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการในทุกด้าน เน้นการ lean ทำต้นทุนให้ลดลงแต่มีประสิทธิภาพสูงสุด และปรับตัวให้เร็ว สาขาไหนเปิดแล้วไม่ดี ต้องรีบปิด และหาโอกาสใหม่สาขาใหม่ทดแทน”

หากถามว่า กุญแจสู่ความสำเร็จของเขาในวันนี้คืออะไร “คุณปอ” บอกว่า มันประกอบด้วยหลายอย่าง ความเป็นนักสู้ของเขาและทีมงาน ต่อให้เจ้าของแข็งแกร่งแค่ไหนถ้าทีมไม่สู้ไปด้วยกัน ก็ยากที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้คือการมีวิธีการจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ ขณะเดียวกันต้องมีทั้งฮาร์ดสกิลและซอฟต์สกิล คือเราต้องเป็นนักสู้แบบมีกลยุทธ์ มีอาวุธในการต่อสู้ ไม่ได้สู้มือเปล่า ขณะเดียวกันมีเป้าหมายและมีผลลัพธ์ที่วัดผลได้ มีเครื่องมือในการวัดผล performance ที่ชัดเจน

ที่สำคัญ ผมมี “ตรงกลาง” เพราะผมเป็นทั้งเจ้าของและเป็นมืออาชีพ ทำให้เราทั้งสอนงาน เป็นพี่เลี้ยง เปิดโอกาสให้พนักงานเติบโต และมีการดูแลพนักงานโดยไม่เอาเปรียบทั้งพนักงานและลูกค้า

ทุกวันนี้ “คุณปอ” ในวัย 45 เขาได้นำความรู้ที่ร่ำเรียนมาและประสบการณ์ในการบริหารจัดการธุรกิจ เป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรให้ความรู้ผู้ประกอบการที่เข้าอบรมในหลักสูตรต่างๆ ในเรื่อง lean efficiency management เขาบอกว่าเขาเริ่มสนุกน้อยลงกับความท้าทายในธุรกิจค้าปลีกอาหารแล้ว จึงกำลังหาพันธมิตรเพื่อมาร่วมทุนหรือมาซื้อกิจการด้านอาหารเพราะกำลังสนุกกับความท้าทายใหม่ๆในธุรกิจเวชสำอาง!!


เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ "Business On My Way" เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)