เพิ่งผ่านไปไม่นานกับงานประกาศรางวัลสุดยิ่งใหญ่ระดับโลก โดยเฉพาะในวงการภาพยนตร์และการแสดง อย่างงาน “97th Oscars” หรือ “Academy Awards ครั้งที่ 97” ด้วยภาพจำพรมแดงที่เหล่าดาราระดับ A ลิสต์ระดับโลกมาเดินอวดโฉม และรอลุ้นผลประกาศรางวัลอันทรงเกียรติที่นักแสดงทุกคนต้องอยากได้
เชื่อว่าหลายคนมักจะคุ้นกับชื่อ “Oscars” แต่รู้หรือไม่ว่า งานนี้มีชื่อว่า “Academy Awards” และต้องบอกว่าที่มาของชื่อ Oscars นี้ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากอะไร แต่ชื่อนี้ถูกใช้อย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 1939 และปัจจุบัน ชื่อ Oscars ก็ได้ถูกใช้ควบคู่ไปกับ Academy Awards และเป็นชื่อที่คนทั่วโลกรู้จัก
สำหรับงานประกาศรางวัล Oscars จัดขึ้นโดย Academy of Motion Picture Arts and Sciences (AMPAS) เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1927 เพื่อสนับสนุนและพัฒนาวงการภาพยนตร์ และเนื่องจาก AMPAS เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรจึงไม่มีเจ้าของเป็นใครคนใดคนหนึ่ง แต่มีสมาชิกรวมกว่า 10,000 คน ซึ่งประกอบไปด้วย นักแสดง ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ นักเขียนบท และบุคลากรในวงการภาพยนตร์
สำหรับงานประกาศรางวัล Oscars นั้น ปัจจุบันไม่ใช่แค่เวทีเชิดชูวงการภาพยนตร์ระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่สร้างรายได้มหาศาลในแต่ละปี โดยจากรายงานของ AMPAS พบว่า ปี 2024 มีรายได้อยู่ที่ 146.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการจัดงานและธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มขึ้นจาก 143.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2023
จากรายงานของ Business Insider ระบุว่า WalletHub ได้คาดการณ์งบประมาณของการจัด Oscars ครั้งที่ 97 ว่าอยู่ที่ประมาณ 57.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,941 ล้านบาท) โดยสามารถแยกค่าใช้จ่ายออกเป็นหลายส่วนดังนี้
หัวใจสำคัญของ Oscars คือ Academy of Motion Picture Arts and Sciences (AMPAS) องค์กรที่ทำหน้าที่ดูแลและจัดการงานประกาศรางวัลนี้ AMPAS ก่อตั้งขึ้นในปี 1927 และเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ นักแสดง โปรดิวเซอร์ และทีมงานเบื้องหลัง
แม้ว่า AMPAS จะเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร แต่ก็สร้างรายได้จำนวนมากผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะ Oscars โดย AMPAS ระดมทุนผ่านค่าสมาชิกที่แต่ละคนต้องจ่ายค่าสมาชิกรายปี จากการขายบัตรเข้างานทั้ง Oscars และอีเวนต์อื่น ๆ ที่ Academy จัดขึ้น ตลอดจนจัดแคมเปญระดมทุนประจำปี เพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ของ Academy
อย่างไรก็ตาม รายได้จากค่าสมาชิกเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมต้นทุนการจัด Oscars จึงต้องพึ่งพา “แหล่งเงินทุนจากภายนอก” เป็นหลัก โดย Oscars มีวิธีการทำเงิน ดังนี้
— รายได้จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด —
หนึ่งในแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของ Oscars มาจากการขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด เนื่องจากมีผู้ชมให้ความสนใจในหลายประเทศทั่วโลก Oscars จึงผลักดันให้มีการถ่ายทอดออกไปทั่วโลก
โดยในสหรัฐอเมริกา ABC Network ที่เป็นบริษัทลูกของ Disney ได้ถือครองลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด Oscars มาเป็นเวลาหลายปี โดยมีรายงานว่า ABC จ่ายเงินประมาณ 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพื่อรักษาสิทธิ์การออกอากาศ ซึ่งถือเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญในการจัดงานให้กับ Oscars เลย
นอกจากนี้ ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดระดับนานาชาติยังถูกขายให้กับเครือข่ายโทรทัศน์ในประเทศต่าง ๆ ทำให้ Oscars มีรายได้เพิ่มเติม ซึ่งรวมกันแล้วรายได้จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดสามารถสร้างเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะข้อตกลงกับ ABC ที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของงบประมาณในการจัดงาน
— รายได้จากโฆษณา —
โฆษณาเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้หลักของ Oscars ด้วยจำนวนผู้ชมมหาศาลจากทั่วโลก งานประกาศรางวัลนี้จึงเป็นโอกาสทองสำหรับแบรนด์และบริษัทชั้นนำที่ต้องการโปรโมทสินค้าผ่านโฆษณาและเป็นส่วนร่วมในงาน
โดยราคาสำหรับโฆษณาความยาว 30 วินาที ในช่วงถ่ายทอดสด Oscars อาจสูงถึง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับปีที่จัดและจำนวนผู้ชมที่รับชมงานจริง ส่งผลให้แบรนด์ต่าง ๆ เล็งเห็นถึงโอกาสของการเข้าถึงผู้ชมระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความหรูหราและภาพลักษณ์ระดับพรีเมียมของงาน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รายได้จากโฆษณาของ Oscars แตะระดับ 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป ซึ่งช่วยสนับสนุนงบประมาณในการจัดงานได้อย่างมหาศาล
— รายได้จากสปอนเซอร์และพาร์ทเนอร์ —
นอกจากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดและรายได้จากโฆษณาแล้ว Oscars ยังได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์และพาร์ทเนอร์แบรนด์ดังอีกด้วย โดยมีทั้งแบรนด์หรู ผู้ผลิตรถยนต์ และบริษัทแฟชั่นระดับไฮเอนด์ ที่เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนงาน
สปอนเซอร์เหล่านี้มีบทบาทหลายรูปแบบ ตั้งแต่ผู้สนับสนุนเครื่องดื่มและของว่างอย่างเป็นทางการ ไปจนถึงพาร์ทเนอร์พิเศษสำหรับแฟชั่นการแต่งกายเดินพรมแดงของเหล่าเซเลบริตี้ ตลอดจนจัดปาร์ตี้หลังงานประกาศรางวัล
ทั้งนี้ข้อตกลงสปอนเซอร์เหล่านี้ถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของงาน Oscars และช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความหรูหราและความยิ่งใหญ่ของงานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยตัวอย่างแบรนด์ระดับโลกอย่าง Rolex, Chanel, Audi และ Heineken ต่างก็เคยเป็นสปอนเซอร์ของ Oscars ซึ่งไม่เพียงแต่ให้การสนับสนุนทางการเงิน แต่ยังใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในระดับโลก
— รายได้จากการขายบัตรและอีเวนต์ —
แม้ว่า Oscars จะเป็นงานที่เปิดให้เฉพาะบุคคลในวงการภาพยนตร์เข้าร่วม แต่ยังมีการจำหน่ายบัตรให้กับสปอนเซอร์องค์กร พาร์ทเนอร์ ผู้ลงโฆษณา และแขกพิเศษ ซึ่งรายได้จากการขายบัตรเหล่านี้ช่วยลดต้นทุนการจัดงาน และเสริมงบประมาณสำหรับการดำเนินงาน
นอกจากนี้ Oscars ยังมีงานเลี้ยงและอีเวนต์ก่อนการประกาศรางวัล ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเชื่อมโยงกับ Oscars โดยกิจกรรมเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ให้กับ Academy Awards อีกด้วย
และนอกจากอีเวนต์แบบออฟไลน์แล้ว Academy Awards ยังสร้างรายได้จากแพลตฟอร์มดิจิทัล ทั้งจากเว็บไซต์ทางการของ Oscars และคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟ และวิดีโอเบื้องหลังที่เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทั้งนี้ ช่องทางเหล่านี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ และต่อยอดให้ Oscars เป็นมากกว่างานประกาศรางวัล แต่เป็นแพลตฟอร์มบันเทิงระดับโลก
— รายได้จากการขายสินค้าที่ระลึก —
Oscars ยังสร้างรายได้จากการจำหน่ายสินค้าที่ระลึกอย่างเป็นทางการ ซึ่งเปิดโอกาสให้แฟนภาพยนตร์และนักสะสมสามารถซื้อของที่ระลึก เช่น รูปปั้น Oscar จำลอง เสื้อผ้า เครื่องประดับ และสินค้าภายใต้แบรนด์ Oscars รายได้จากสินค้าประเภทนี้แม้จะไม่ใช่แหล่งรายได้หลัก แต่ก็มีส่วนช่วยสนับสนุนงบประมาณของ Academy Awards ในการจัดงาน
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ Academy Museum of Motion Pictures ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับองค์กร พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และศิลปะภาพยนตร์ โดยสร้างรายได้จากค่าบัตรเข้าชม การจำหน่ายสินค้าที่ระลึกภายในพิพิธภัณฑ์ และการจัดนิทรรศการหรือกิจกรรมพิเศษตลอดทั้งปี รายได้จากพิพิธภัณฑ์ไม่เพียงช่วยรักษามรดกของวงการภาพยนตร์ แต่ยังเป็นแหล่งทุนที่ช่วยสนับสนุนงบประมาณของงาน Oscars อย่างต่อเนื่อง
นอกจากรายได้จากสินค้าที่ระลึกและพิพิธภัณฑ์ ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลหรือถูกเสนอชื่อเข้าชิง Oscars ก็มักได้รับผลตอบแทนทางธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นยอดขายตั๋วหนังที่เพิ่มขึ้นในโรงภาพยนตร์ หรือยอดขายและการสตรีมมิ่งของภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังจากได้รับการเสนอชื่อหรือคว้ารางวัล
ที่มา: Business Insider, WSJ, IMDb, FM. [1][2]
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney