50 ปี Hello Kitty การ์ตูนที่ไม่มีวันแก่ ถอดกลยุทธ์ Sanrio ปั้นคาแรกเตอร์อย่างไรทำกำไรเป็นพันล้าน

Business & Marketing

Corporates

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

50 ปี Hello Kitty การ์ตูนที่ไม่มีวันแก่ ถอดกลยุทธ์ Sanrio ปั้นคาแรกเตอร์อย่างไรทำกำไรเป็นพันล้าน

Date Time: 18 ธ.ค. 2567 11:30 น.

Video

แก้เกมหุ้นไทยตกต่ำ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดแผนฟื้นความเชื่อมั่น | Money Issue

Summary

  • เจาะวิธีคิดแบบฉบับ Sanrio ที่ผ่านมากว่า 50 ปี คาแรกเตอร์แต่ละตัวยังคงเป็นที่นิยมในตลาด เจาะกลุ่มลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย ผ่านการพาแบรนด์ไปเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์อื่น ตลอดจนสร้างขาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อขยายฐานแฟนคลับ และปี 2024 นี้ คือ ช่วงครบรอบ 50 ปีของ Hello Kitty บทความนี้ How to Make Money จะพาไปเจาะกลยุทธ์แบบฉบับ Sanrio ที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน

Latest


คาแรกเตอร์แมวคุณหนูสีขาวที่มาพร้อมกับโบว์บนหูซ้าย อย่าง Hello Kitty ตลอดจนตัวการ์ตูนอย่าง Kuromi, Cinnamonroll รวมไปถึง Gudetama และ Aggretsuko ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวละครตัวโปรดของใครหลายคน ซึ่งปัจจุบันตัวการ์ตูนอย่าง Hello Kitty ก็มีอายุ 50 ปีแล้ว จนอาจเรียกได้ว่าเป็นคุณน้าของเด็ก ๆ หลายคน

จะเห็นได้ว่า แม้เวลาจะผ่านไปยาวนานแค่ไหน คาแรกเตอร์เหล่านี้ก็ยังคงโลดแล่นให้เราเห็นตลอดมา กลายเป็นที่รักของคนทุกเพศทุกวัยอยู่ต่อเนื่อง จนต้องก้มหัวยอมรับความเก่งกาจของบริษัทผู้สร้าง “Sanrio” ที่มีกลยุทธ์คอยผลักดันตัวละครเหล่านี้จนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก

ในบทความนี้ Thairath Money คอลัมน์ How to Make Money จะพาไปเจาะวิธีคิดแบบฉบับ Sanrio ว่าทำอย่างไรคาแรกเตอร์ต่าง ๆ ถึงยังเป็นที่นิยม อีกทั้งยังทำยอดขายได้ต่อเนื่อง จนปีล่าสุดทำกำไรได้เพิ่มขึ้น 82% ในระยะเวลาแค่เพียง 6 เดือน

กลยุทธ์ขายความน่ารักแบบฉบับ “Sanrio”

Sanrio มีจุดเริ่มต้นในปี 1960 กับธุรกิจขายสินค้าที่ระลึกในชื่อ Yamanashi Silk Center ด้วยเป้าหมายในการสื่อสารกับสังคม ต่อมาจึงมีการคิดค้นคาแรกเตอร์เป็นของตัวเองเพื่อปั้นแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ โดยสิ่งแรกที่สร้างขึ้นมา คือ “Strawberry” อาศัยความ “คาวาอิ” น่ารักฉบับญี่ปุ่นพิมพ์ลงบนสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งสมุด กระเป๋า แก้ว ไปจนถึงจาน ชาม

หลังจากนั้นธุรกิจขายสินค้าที่ระลึกก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ มีการขยายสาขาออกไปในประเทศญี่ปุ่น จนในปี 1973 เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Sanrio Company, Ltd. มีสำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว ก่อนที่ในปี 1974 จะเกิดคาแรกเตอร์เปลี่ยนโลกอย่าง “Hello Kitty” ขึ้นมา และขยายตลาดออกไปสู่สหรัฐอเมริกา

ต่อมา Sanrio ได้สร้างตัวละครใหม่ ๆ ขึ้นมาต่อเนื่อง และในปี 1982 ก็ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE) และขยายอาณาจักรต่อเนื่องทั้งการออกแบบคาแรกเตอร์ใหม่ เปิดสวนสนุกธีมพาร์ค เปิดตลาดในต่างประเทศมากขึ้น ตลอดจนจับมือพาร์ตเนอร์กับแบรนด์อื่น ๆ และจัดอีเวนต์ต้อนรับแฟนคลับ

ตามวิสัยทัศน์ของ Sanrio ที่ว่า “One World, Connecting Smiles” จึงเกิดเป็นสินค้าและกิจกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลาย อีกทั้งยังส่งผลให้ Sanrio กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก มีตัวละครกว่า 450 ตัว และต้องยอมรับว่าหลายตัวก็เป็นตัวโปรดที่เราเห็นกันได้ทุกวันในสินค้าตั้งแต่อุปกรณ์การเรียน ไปจนถึงการคอลแลบกับแบรนด์หรู อย่าง Balenciaga

จุดเริ่มต้นของการคอลแลบกับแบรนด์ต่าง ๆ มาจากการส่ง Hello Kitty เข้า Co-Branding กับเจ้าอื่นนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2000 โดยเริ่มจากการร่วมมือกับแบรนด์ระดับสากลและเซเลบริตี้ต่าง ๆ เช่น Swarovski, Barbour, Tarina Tarantino, Liberty และยังมีอีกหลายแบรนด์ที่ร่วมมือกันตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ Balenciaga จนถึง Chloé และ Blumarine ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถดึงดูดทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่ได้ แม้จะเป็นเรื่องที่ท้าทายก็ตาม

นอกจากนี้ Sanrio ยังได้ปรับกลยุทธ์จากออกแบบตัวละครเพียงอย่างเดียว ก็มีการเข้าซื้อลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์บางตัว อย่างเช่น Mr. Men and Little Miss ด้วยเช่นกัน

ปัจจุบัน ธุรกิจของ Sanrio ขยายไปจากผลิตภัณฑ์สินค้าไปสู่ธุรกิจบันเทิง โดยมีการผลิตคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ทั้งเกม รายการสตรีมมิ่ง และโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ Sanrio ยังมีบริษัทย่อยทั้งหมด 8 แห่ง และมีพนักงานมากกว่า 3,400 คนทั่วโลก โดยมีสินค้าหลากหลายที่จำหน่ายในกว่า 130 ประเทศ

โมเดลทำเงินของ Sanrio

ในปี 2024 นี้เป็นปีที่ครบรอบ 50 ปี Hello Kitty พอดี ส่งผลให้แนวโน้มธุรกิจยังคงต่อเนื่องไปได้ด้วยดี โดยกำไรสุทธิในช่วง 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายนเพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เป็น 19,000 ล้านเยน (หรือประมาณ 4,245 ล้านบาท)

การเติบโตนี้ได้รับแรงสนับสนุนมาจากกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการครบรอบ 50 ปี Hello Kitty รวมถึงรายได้จากการอนุญาตลิขสิทธิ์ในสหรัฐอเมริกาและจีนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ตัวละครใหม่ ๆ นอกเหนือจาก Hello Kitty ก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ภาพจาก Sanrio
ภาพจาก Sanrio

ในส่วนของยอดขายในปี 2024 พบว่า อยู่ที่ 62,800 ล้านเยนหรือประมาณ 13 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 43.0% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว) ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 23,500 ล้านเยนหรือกว่า 5 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 77.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว)

โดยโมเดลธุรกิจในการหารายได้ของ Sanrio ตามข้อมูลของบริษัท พบว่า มาจาก 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่

  • ขายสินค้า: รายได้หลักของบริษัทมาจากการขายสินค้าภายใต้แบรนด์และลิขสิทธิ์ของบริษัทผ่านหลายช่องทาง ทั้งร้าน Sanrio ที่บริหารโดยตรง ร้านในห้างสรรพสินค้า ซึ่งมักจะมีสินค้าที่ออกแบบมาเฉพาะหรือจำกัดจำนวน การขายให้กับผู้ค้าปลีกทั่วไป ร้านค้าเฉพาะที่ออกแบบตามคาแรกเตอร์ตัวละคร ตลอดจนการขายผ่านอีคอมเมิร์ซที่ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก

  • ขายลิขสิทธิ์ตัวละคร: เป็นการจัดการสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของตัวละครและแบรนด์ของ Sanrio โดยการอนุญาตให้บริษัทอื่นใช้ทรัพย์สินเหล่านี้ในการผลิตสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้เกิดความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับพันธมิตรทั่วโลก อีกทั้ง Sanrio ยังสามารถสร้างรายได้โดยไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้าด้วยตัวเอง ขยายการเข้าถึงแบรนด์ในระดับโลก

  • สวนสนุก: Sanrio ยังมีการเปิดสวนสนุกธีมพาร์ค อย่าง Sanrio Puroland ในโตเกียวและ Harmonyland ในจังหวัดโออิตะ เป็นสวนสนุกที่เน้นนำเสนอตัวละครจาก Sanrio โดยพื้นที่ในสวนสนุกนี้มีการแสดง และยังมีร้านค้าของที่ระลึกอีกด้วย นอกจากนี้ Sanrio ยังขยายธุรกิจของสวนสนุกผ่านการอนุญาตลิขสิทธิ์กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การจัดการแสดงดนตรีหรือกิจกรรมพิเศษที่เกี่ยวข้องกับตัวละคร

นอกจากนี้แล้ว Sanrio ยังสนับสนุนทางการศึกษาผ่านสินค้าอุปกรณ์การเรียน อีกทั้งยังมีโรงงานผลิตสินค้ากลุ่มโรบอท ตลอดจนร้านอาหารและคาเฟ่อีกด้วย

ที่มา: Sanrio [1][2][3], Nikkei Asia, HypebaeBusiness Focus

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ