เช็กที่นั่ง “แอร์เอเชีย” ผู้โดยสารแน่นสุดรอบ 5 ปี ทำเอา “โทนี เฟอร์นานเดส” ต้องนั่งการบินไทยไปจีน

เป็นกระแสไวรัลอย่างมากในโซเชียลมีเดีย หลัง โทนี เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มแคปิตอล เอ (Capital A) ประเทศมาเลเซีย เจ้าของสายการบินแอร์เอเชีย โพสต์ภาพผ่าน Instagram ตนเอง ขณะนั่งบนเที่ยวบินของการบินไทย เพื่อเดินทางไปยังปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า “เที่ยวบินของแอร์เอเชียขายหมดแล้ว”

โดย โทนี เฟอร์นานเดส ระบุว่า "Continuing my travels . I most fly more than a crew. Onto Beijing on @thaiairways . Airasia again sold out. Loke my track suit @danawhite"

ในครั้งนี้ “Thairath Money” จะพาไปเปิดข้อมูล กลุ่มแคปิตอล เอ เจ้าของแอร์เอเชียใน มาเลเซีย, ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา โดยพบว่าจำนวนผู้โดยสารเติบโตแซงหน้าการเพิ่มขึ้นของที่นั่งให้บริการ ขณะที่อัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปียังสูงถึง 89% สูงสุดในรอบ 5 ปี

“จำนวนผู้โดยสาร” โตแซง “ที่นั่งให้บริการ”

Capital A เปิดเผยสถิติการดำเนินงานไตรมาส 3/67 (Operating Statistic) ที่ผ่านมาว่า กลุ่มบริษัท “แอร์เอเชีย” ซึ่งรวมถึง แอร์เอเชียมาเลเซีย แอร์เอเชียไทย แอร์เอเชียอินโดนีเซีย แอร์เอเชียฟิลิปปินส์ และแอร์เอเชียกัมพูชา มีการรักษาอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) ที่ระดับ 89% แม้ว่าไตรมาสนี้ จะเป็นไตรมาสที่ชะลอตัวตามฤดูกาลก็ตาม

โดยกลุ่มธุรกิจการบินระหว่างประเทศมีอัตราการเติบโตของผู้โดยสารที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของที่นั่งให้บริการ เส้นทางบินไปยังจีนและอินเดีย มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี สูงถึง 89%

ขณะเดียวกัน บริษัทได้เพิ่มเครื่องบิน A321neo ใหม่ 3 ลำ และเปิดใช้งานเครื่องบินอีก 3 ลำ ทำให้มีฝูงบินที่เปิดใช้งานทั้งหมด 202 ลำจากทั้งหมด 216 ลำ ทำให้แอร์เอเชียสามารถใช้ประโยชน์จากความต้องการเดินทางที่เติบโตขึ้นทั่วภูมิภาคได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ปริมาณผู้โดยสารในไตรมาสที่ 3/67 เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นเกือบ 16 ล้านคน โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตสอดคล้องกับความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร

อย่างไรก็ตาม หากไปดูสถิติของอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) ในอดีต พบว่ามีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 3/67 ที่มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ 89% นั้น ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดรอบ 5 ปี ดังนี้

• ปี 2562 อยู่ที่ระดับ 85%
• ปี 2563 อยู่ที่ระดับ 74%
• ปี 2564 อยู่ที่ระดับ 74%
• ปี 2565 อยู่ที่ระดับ 84%
• ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 88%

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney