สรุปมุมมอง Bernard Arnault จากเวที Forbes Global CEO จุดยืน LVMH เครือแบรนด์หรูระดับโลก

Money

Corporates

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สรุปมุมมอง Bernard Arnault จากเวที Forbes Global CEO จุดยืน LVMH เครือแบรนด์หรูระดับโลก

Date Time: 21 พ.ย. 2567 14:43 น.

Video

บิทคอยน์ VS เงินในกระเป๋าเกี่ยวกันยังไง ? | Digital Frontiers

Summary

  • Bernard Arnault บนเวที Forbes Global CEO Conference เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อม คุณภาพ และความมั่นคงในธุรกิจ ชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จของ LVMH ที่เกิดจากการสร้างสรรค์นวัตกรรม การสนับสนุนทีมงาน และการลงทุนในเทคโนโลยีซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจในผลิตภัณฑ์และบริการ

Bernard Arnault ซีอีโอและประธานกรรมการกลุ่มธุรกิจ LVMH หรือ Moët Hennessy Louis Vuitton บริษัทมหาชนจากประเทศฝรั่งเศสที่นับได้ว่าเป็นอาณาจักรแบรนด์หรูที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ขึ้นรับรางวัล Malcolm S. Forbes Lifetime Achievement Award รางวัลที่ทาง Forbes มอบให้เพื่อเชิดชูเกียรติให้กับผู้นำในธุรกิจที่เป็นต้นแบบ เพื่อยกย่องและเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จในการประกอบธุรกิจตลอดชีวิต

ปัจจุบัน LVMH มีมูลค่าบริษัทที่ประมาณ 308,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดอันดับที่ 29 ของโลก และเป็นแบรนด์หรูมูลค่าสูงที่สุดในโลก 

ขณะเดียวกัน Bernard Arnault ในตอนนี้มีความมั่งคั่งสุทธิอยู่ที่ 165,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 5 ของโลก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ไปแล้วเมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา

โดย Bernard Arnault ได้เดินทางมารับรางวัลในงาน “Forbes Global CEO Conference” ครั้งที่ 22 ซึ่งจัดขึ้นในกรุงเทพมหานคร พร้อมกับขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เพื่อกล่าวขอบคุณ พร้อมกับเผยมุมมองและวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของเครือ LVMH

พลังแห่งการรับรู้ของแบรนด์ระดับโลก

ย้อนกลับไปในปี 1971 เป็นครั้งแรกที่ Bernard Arnault ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา ได้เดินทางออกจากยุโรปไปสหรัฐอเมริกากับคุณพ่อ และนั่นเป็นโอกาสของเขาที่ได้ใช้บริการแท็กซี่เพื่อเดินทางในนิวยอร์ก ก่อนที่จะมีบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างเดินทางถึงประเด็นว่าใครเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ก่อนที่คนขับแท็กซี่จะพูดขึ้นมาว่า “ประธานาธิบดีจะเป็นใครก็ตาม แต่ผมรู้จัก Christian Dior นะ” คำพูดนี้ทำให้ Bernard Arnault ได้ตระหนักว่า พลังของการเป็นแบรนด์ระดับโลก อย่าง Christian Dior และภาพลักษณ์ของการเป็นแบรนด์ของฝรั่งเศส

LVMH ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1987 จากการควบรวมของ 2 แบรนด์หรู คือ Louis Vuitton และ Moët Hennessy ก่อนที่ Bernard Arnault เข้าร่วมกับ LVMH ในปี 1989 และทรานส์ฟอร์ม LVMH สู่การเป็นอาณาจักรสินค้าลักซ์ชัวรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกผ่านการเข้าซื้อแบรนด์หรูต่าง ๆ มาไว้ภายใต้ LVMH ตลอดจนการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด

ปัจจุบัน LVMH มีธุรกิจในเครือกว่า 75 แบรนด์ และหลายแบรนด์ก็เป็นที่รู้จักทั่วโลก อย่างเช่น Celine, Fendi, Sephora, Hennessy เป็นต้น ซึ่งครอบคลุมทั้งสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและเครื่องประดับ ไปจนถึงไวน์และสุรา และยังมีพนักงานอีกกว่า 200,000 คนที่เป็นทั้งพนักงานภายในและภายนอกองค์กร

แนวคิดพาธุรกิจ (ครอบครัว) รอดฉบับ Bernard Arnault

นอกจากนี้ Bernard Arnault ยังได้กล่าวถึงแนวคิดและวิธีการปรับตัวของ LVMH เพื่อเอาตัวรอดในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงว่า “โอกาสจะเข้าข้างผู้ที่เตรียมตัวมาอย่างดี สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะในโลกแห่งความเป็นจริงที่ต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและโอกาสใหม่ ๆ ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน”

ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ไม่ว่าจะในฐานะผู้บริหารหรือไม่ก็ตาม ถ้าเราพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ แม้จะต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทั้งโรคระบาดหรือภัยพิบัติธรรมชาติ เราก็สามารถอยู่รอดและเติบโตได้”

Bernard Arnault ย้ำว่า “คุณภาพที่ดีที่สุด คือ หัวใจสำคัญของเราและเป็นสิ่งที่ไม่มีวันล้าสมัย” โดยการจะนำเสนอสินค้าและบริการแต่ละชิ้นออกถึงมือผู้บริโภค การออกแบบ การผลิต และการตลาดจะมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทั่วโลก

นอกจากนี้ Bernard Arnault มองว่า LVMH เป็นเหมือนธุรกิจครอบครัว และเป็นหัวใจของความสำเร็จระยะยาวของ LVMH ด้วยคุณสมบัติที่เน้นความมั่นคง ความยั่งยืน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เหมือนครอบครัว คือสิ่งที่ทำให้ LVMH สามารถเติบโตและยืนหยัดได้ในทุกสถานการณ์

“ความสำเร็จในระยะยาวเกิดจากการลงทุนในคุณภาพ ความน่าดึงดูดใจของสินค้า และวัฒนธรรมการทำงานที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ความยืดหยุ่น และจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ” Bernard Arnault กล่าว

ลงทุนใน “คน-นวัตกรรม-ความยั่งยืน”

นอกจากเรื่องของสินค้าและบริการที่ต้องมีคุณภาพแล้ว LVMH ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนใน “คน นวัตกรรม และความยั่งยืน” อีกด้วย โดย Bernard Arnault กล่าวว่า “เราลงทุนในทีมงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการฝึกอบรมพร้อมกับให้โอกาสในการเติบโต โดยเฉพาะในยุคที่ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) กลายเป็นกระแสหลักที่ทุกคนสนใจ เราก็ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและผลกระทบที่จะเกิดต่อชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยี อย่างเช่น Blockchain มาช่วยป้องกันสินค้าปลอม และสร้างความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับ”

“นอกจากนี้ เรายังนำ AI มาปรับปรุงช่องทางสื่อสารและบริการลูกค้า ตลอดจนการลงทุนในโรงงานการผลิตและสนับสนุน Workshop ให้กับผู้คนที่สนใจในฝรั่งเศส เพื่อสนับสนุนงานฝีมือและความเป็นเลิศในด้านการออกแบบ” Bernard Arnault กล่าว

ปัจจุบัน ฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญในธุรกิจของ LVMH โดย LVMH มีการจ่ายภาษีมูลค่ากว่า 23,000 ล้านยูโรหรือคิดเป็นประมาณ 1% ของ GDP ประเทศฝรั่งเศส ซึ่ง LVMH มีบทบาทอย่างมากในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมผ่านการจ้างงานกว่า 200,000 คน

สำหรับ “Malcolm S. Forbes Lifetime Achievement Award” เป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้เพื่อยกย่องและเฉลิมฉลองความสำเร็จในการประกอบธุรกิจตลอดชีวิต ซึ่งมอบให้กับผู้นำธุรกิจที่เป็นต้นแบบอันโดดเด่นและมีแนวทางการดำเนินธุรกิจที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของระบบเศรษฐกิจเสรีนิยม (Free Enterprise) อันเป็นปรัชญาความเชื่อทางธุรกิจที่ Malcolm S. Forbes ได้ให้การสนับสนุนตลอดช่วงชีวิตของเขา และเป็นจุดยืนของนิตยสารฟอร์บส์มานับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1917 ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ อย่างเช่น Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba Group เมื่อปี 2019 และธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เมื่อปี 2023

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ