เรียกได้ว่าสร้างความแปลกใจให้กับแฟนคลับและแวดวงธุรกิจแฟชั่นไม่น้อย หลัง Patagonia แบรนด์เอาต์ดอร์สัญชาติอเมริกันชื่อดังที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Sustainable Leader ในวงการแฟชั่นผู้เห็นโลกเป็นหุ้นส่วนธุรกิจคนสำคัญโดยการแบ่งผลกำไร 98% ให้กับการต่อสู้วิกฤตสิ่งแวดล้อม ประกาศว่าธุรกิจกำลัง “เสี่ยง” และกำลังรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา Ryan Gellert ซีอีโอของบริษัท Patagonia ประกาศเลิกจ้างพนักงานกว่า 40 คน หรือคิดเป็นประมาณ 1% ของพนักงานทั้งหมดของบริษัท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับตำแหน่งงานที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองเวนทูรา รัฐแคลิฟอร์เนียครั้งล่าสุด ซึ่งนับเป็นการเลิกจ้างรอบที่สองในปีนี้ต่อเนื่องจากช่วงต้นปีที่ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานราว 80 คน ในแผนก Global customer service
“ความสำเร็จที่ผ่านมาของ Patagonia กำหนดทิศทางธุรกิจของเราเสมอมา แม้ว่าเราจะทำกำไรได้ แต่ปัจจุบันบริษัทมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ไม่ต่างจากบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น ต้นทุนห่วงโซ่อุปทานที่เพิ่มขึ้นและอำนาจการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง”
สำหรับผู้ที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่ครอบคลุมค่าประกันสุขภาพหนึ่งปีและความช่วยเหลือในการเปลี่ยนผ่านอาชีพ ได้รับเงินเดือนขั้นต่ำ 22 สัปดาห์ ซึ่งจะขึ้นตามระยะเวลาที่ทำงานในบริษัท Gellert กล่าว
เขาให้สัมภาษณ์กับ RetailDive ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีความจำเป็นที่ต้องปรับโฟกัสการดำเนินการบางส่วนของบริษัทให้แตกต่างไปจากรูปแบบเดิมที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จเหมือนในอดีต แต่ยังคงไว้ด้วยพันธกิจและค่านิยมเดิมของ Patagonia โดยกล่าวอีกว่าการดำเนินงานของบริษัทต่อจากนี้จะให้ความสำคัญกับสามทีมหลัก ได้แก่ แผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์ แผนกการสื่อสาร และแผนกที่ดูเรื่องผลกระทบต่อสังคม
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Patagonia พิสูจน์ให้เห็นถึงการแสวงหากำไรต่อได้ควบคู่ไปกับภารกิจแคร์โลก นับตั้งแต่โอนกรรมสิทธิ์บริษัทให้กับ Patagonia Purpose Trust มอบหุ้น 98% ให้กับ 'Holdfast Collective' องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ก่อตั้งขึ้นใหม่เพื่อรันกิจกรรมต่อสู้วิกฤติสิ่งแวดล้อมทุกรูปแบบ โดยผู้ก่อตั้ง Yvon Chouinard เมื่อสองปีก่อน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของบริษัท
Gellert กล่าวว่า “เราเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองสุดขั้วที่แสดงให้โลกเห็นอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 50 ปี เราพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถรักษาธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยเรายังคงมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด สร้างความเชื่อมโยงที่แท้จริงผ่านการเล่าเรื่อง สร้างความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับคอมมูนิตี้ของเราและแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคม โลก และสิ่งแวดล้อมตามเดิม”
กว่าครึ่งศตวรรษที่ Patagonia ไม่ได้สนใจแค่เรื่องเสื้อผ้าแต่เป็นเรื่องของ “อนาคตโลก” สำหรับผู้ที่เป็นสาวกจะรู้ดีว่าแบรนด์เอาต์ดอร์รายนี้คือผู้นำคนแรกๆ บนถนนเส้นนี้ที่เอาจริงเรื่อง "Fair Trade" ยึดหลักการค้าที่เป็นธรรม คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยรอบ ตั้งแต่แนวคิดการออกแบบโปรดักต์ กระบวนการผลิตต้นน้ำยันปลายน้ำ ตลอดจนการสื่อสารเพื่อกระตุ้นพฤติกรรมผู้คน อีกทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้ธุรกิจกันเองอีกด้วย ทุกอย่างล้วนสะท้อนกลับมาให้เห็นถึงเป้าหมายของแบรนด์ทั้งสิ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความตั้งใจการสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคของ Patagonia สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับธุรกิจแฟชั่น ได้รับการยกย่องให้เป็นโรลโมเดลของการสร้างธุรกิจที่ยึดผลประโยชน์ของสิ่งแวดล้อมเป็นที่ตั้ง อย่างไรก็ตามความยั่งยืนของยอดขายและสภาพคล่องของบริษัทยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนด “อนาคตธุรกิจ”
ที่มาข้อมูล FastCompany , Business Insider
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -