LEGO ตั้งเป้าผลิตของเล่นจาก “วัสดุรักษ์โลก” ท้ังหมดในปี 2032 ย้ำไม่ขึ้นราคาแม้ต้นทุนสูง

LEGO ผู้ผลิตของเล่นขวัญใจเด็กและผู้ใหญ่ทั่วโลก ประกาศว่าบริษัทพร้อมแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเพื่อผลิตของเล่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยตั้งเป้าใช้ Sustainable Materials หรือ “วัสดุที่ยั่งยืนและหมุนเวียน” แทนพลาสติกเรซินแบบเดิมที่มีส่วนผสมของน้ำมันฟอสซิล ส่วนประกอบหลักที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนเลโก้มาตั้งแต่ก่อตั้ง ซึ่งสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิตของเล่นนับพันล้านชิ้นต่อปี

โดยมีเป้าหมายระยะสั้นในปีนี้ที่จะเพิ่มสัดส่วนวัสดุรักษ์โลกเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากปี 2023 โดยในช่วงปีแรกอยู่ที่ 30% จากนั้นเตรียมเพิ่มสัดส่วนให้มากกว่า 50% ภายในปี 2026 และ 100% ในปี 2032

นีลส์ คริสเตียนเซ่น (Niels B. Christiansen) ประธานและซีอีโอของ LEGO Group เปิดเผยว่าบริษัทกำลังดำเนินการคำนวณและตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่า การปรับใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนทั้งกระบวนการ โดยหวังว่าเป้าหมายดังกล่าวจะกระตุ้นให้ผู้ผลิตเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่ยั่งยืนและช่วยลดต้นทุนวัสดุได้ในระยะยาว

ปีที่แล้ว LEGO เพิ่มการใช้จ่ายสำหรับโครงการด้านความยั่งยืนเป็นสามเท่าเป็น 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสี่ปีจนถึงปี 2025 โดยที่ผ่านมา LEGO ทดสอบวัสดุที่แตกต่างกันมากกว่า 600 ชนิด เพื่อพัฒนาพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อาทิ พลาสติกที่ทำจากวัสดุทางเลือกรวมถึงไบโอพลาสติก (Bio-based plastics)

โดยช่วงที่ผ่านมาความพยายามของ LEGO อาจไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะบริษัทยังเจออุปสรรคเรื่องต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น เพราะพลาสติกที่ทำจากวัสดุทางเลือกมีราคาสูง โดยปัจจุบันบริษัทต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นถึง 70% สำหรับการเรซินที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลที่ผ่านการรับรอง

อย่างไรก็ตาม คริสเตียนเซ่น ยืนยันว่า LEGO มีความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืนตามเป้าหมาย ที่จะลดการปล่อยคาร์บอนลง 37% ภายในปี 2032 และในระยะยาวที่ให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 และถือเป็นหน้าที่ของบริษัทที่จะไม่ผลักภาระให้ผู้ซื้อด้วยการขึ้นราคา โดยให้เหตุผลส่วนหนึ่งจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่มีโรคระบาดกระทั่งปัจจุบัน

โดยรายได้รวมของ LEGO พุ่ง 13% ช่วงครึ่งแรกของปี 2024 อยู่ที่ 31,000 ล้านโครนเดนมาร์ก หรือประมาณ 4,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากความหลากหลายของพอร์ตโฟลิโอของเล่นที่หลากหลาย ขณะที่กำไรสุทธิโต 16% เป็นที่ 6,000 ล้านโครนเดนมาร์กหรือประมาณ 890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดันส่วนแบ่งการตลาดเติบโตขึ้นแซงหน้าอุตสาหกรรมของเล่น และที่สำคัญ LEGO ยังมีฐานลูกค้าหลายช่วงวัยจากทั่วโลก มีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่ตอบสนองความต้องการของทั้งเด็กและผู้ใหญ่

อ้างอิง CNN , WSJ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

https://www.facebook.com/ThairathMoney