ฟรายถาก (Freitag) แบรนด์ที่ยืนหยัดในหลักการอัปไซเคิลกว่า 30 ปี ผู้เปลี่ยนผ้าใบเก่าจากรถบรรทุกสู่กระเป๋าสายสตรีทกว่าหลายล้านใบ บนเป้าหมายหยุดวงจรการผลิตแบบเดิม และบุกเบิก “FREITAG Circularity” ด้วยการรักษาผลิตภัณฑ์และนำวัสดุกลับมาหมุนเวียนให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผู้จุดประกายเทรนด์ ‘อัปไซเคิล’ Upcycle ให้กับวงการแฟชันสตรีทและคนทำธุรกิจทั่วโลก
สองพี่น้อง แดเนียล และ มาร์คัส ฟรายถาก (Daniel & Markus Freitag) ที่ต้องการค้นหากระเป๋าสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน ที่มีคุณสมบัติทนทาน กันน้ำได้ ใช้งานได้นานๆ ในปี 1993 ทั้งสองเริ่มต้นนำวัสดุทางเลือกจำนวนมากมาทดลอง ทั้งยางในของจักรยานที่ถูกทิ้ง และเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ จนกระทั่งเกิดไอเดียในการนำ ผ้าใบขนาดใหญ่ที่ใช้คลุมรถบรรทุกมาใช้ ด้วยคุณสมบัติกันน้ำกันแดด ทนทาน ตอบโจทย์สองพี่น้อง จนในที่สุดทั้งสองก็ได้ก่อตั้งแบรนด์ ฟรายถาก พร้อมเปิดตัว ‘F13 TOP CAT’ กระเป๋าสะพายข้างคอลเลกชันแรกในตำนานขึ้น
เมื่อพูดถึงแนวคิดรักษ์โลกที่ถือว่าเป็นจุดขายหลักของ ฟรายถาก แล้ว จะไม่พูดถึงการผลิตก็อาจจะไม่ได้ แดเนียล และมาร์คัส เล่าว่า การใช้ผ้าใบรถบรรทุกรีไซเคิลมาเป็นส่วนประกอบหลักของแบรนด์ นี่แหละ ยิ่งทำให้ ฟรายถาก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ในทุกๆ ปีจะเกิดฤดูกาลตามล่าผ้าใบอย่างจริงจัง ตัวแทนผู้รับซื้อผ้าใบในสวิตเซอร์แลนด์ ‘Truckspotter’ จะรับซื้อผ้าใบคลุมรถบรรทุกกันน้ำมือสองภายในรัศมี 2,500 กม. รวมแล้วประมาณ 340 ตันต่อปีโดยผ้าใบที่คุณภาพเหมาะสมจะถูกจัดส่งมายังเมืองซูริก-เออร์ลิคอน โดยอีกส่วนจะรับซื้อจากซัพพลายเออร์โดยตรงในเยอรมนี ออสเตรีย อิตาลี และฝรั่งเศส
จากนั้น จะถูกตรวจสอบความปลอดภัยหาองค์ประกอบที่ไม่พึงประสงค์ เช่น พลาสติกไซเซอร์ โลหะหนัก เช่น ตะกั่ว จากนั้นผ้าใบจะถูกผ่านการซักล้างเครื่องซักผ้าขนาดยักษ์ ตากให้แห้ง และจัดเรียงตามสี เพื่อเข้าสู่กระบวนการออกแบบตัดเย็บ คัตติ้งด้วยมืออย่างพิถีพิถัน โรงงานที่สวิตฯ จะดูแลชิ้นส่วนต้นแบบหลักๆ โดยบางส่วนจะถูกส่งไปยังพันธมิตรผู้ผลิตในยุโรป เพื่อประกอบเย็บร่วมกับวัสดุอื่นๆ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่อไป
แนวคิดตั้งแต่การก่อตั้ง ฟรายถาก ไม่เพียงแต่นำสิ่งของไม่ใช้แล้วมาผลิตใหม่ แต่ยังมองไปถึง ธุรกิจที่หมุนเวียนการผลิตโดยสมบูรณ์ “fully circular organization”
ฟรายถาก พยายามสร้างกระบวนการผลิตอย่างยั่งยืน (Sustainable producing) พูดง่ายๆ คือ รักษาผลิตภัณฑ์และวัสดุมาใช้หมุนเวียนให้นานที่สุด ทำให้วัสดุสามารถกลับคืนสู่วงจรการผลิตได้อีก ทำให้แน่ใจว่า สินค้าที่ผลิตมีความทนทานที่สุด แม้จะเสียหายก็ซ่อมแซมได้ และจะไม่ไปนอนอยู่ในถังขยะในเร็ววัน แม้จะเปลี่ยนมือเจ้าของกี่คนก็ตาม
ปัจจุบัน ฟรายถาก ผลิตและจำหน่ายกระเป๋าหลายรูปแบบ รวมถึงแอคเซสเซอรี่อื่นๆ ที่นำวัสดุทางเลือกอื่นๆ มาอัปไซเคิลอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้ขวดน้ำ PET ที่ถูกทิ้งแล้วมาทำเป็น ผ้าซับในกระเป๋าหรือเป็นวัสดุหลักสำหรับกระเป๋าบางรุ่น สมาร์ทโฟนจากเทอร์โมพลาสติกพอลิยูรีเทน (TPU-R) รีไซเคิลที่ทำจากรองเท้าสกีที่ชำรุดที่สามารถรีไซเคิลได้สูงสุดเจ็ดครั้ง มันมีความยืดหยุ่น ทนทาน และดูดซับแรงกระแทก
นอกจากนี้ ฟรายถาก ยังแตกไลน์สินค้าที่ผลิตด้วย ‘F-ABRIC’ เส้นใบไฟเบอร์จากธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ 100% ร่วมกับเส้นใยบาสต์ (ผ้าลินินและป่านแท้) ซึ่งมีความทนทานและย่อยสลายได้ทางชีวภาพอย่างสมบูรณ์ ไปจนถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาเส้นทางการนำผ้าใบกลับสู่วงจรผลิต (circular truck tarp)
โดยล่าสุดยังทำโปรแกรม S.W.A.P (Shopping without Any Payment) แพลตฟอร์มสำหรับการส่งต่อใบเก่าให้กับผู้อื่น หรือจะแลกเปลี่ยนกระเป๋าใบเดิมเป็นกระเป๋าแบบอื่นๆ ก็ได้ รวมถึงการทำอะไหล่แยกชิ้น เพื่อสะดวกต่อการปรับเปลี่ยนซ่อมแซม ลูกค้าขอรับได้ทุกสาขาและทางออนไลน์อีกด้วย
การอัปไซเคิลผ้าใบรถบรรทุกนั้นทำให้ "Every Bag is Difference" กล่าวคือ กระเป๋าฟรายถากแต่ละใบมีเพียงใบเดียวในโลก โดยแต่ละแบบแต่ละรุ่นจะมีหน้าตาลวดลายสีสันที่แตกต่างกันไปจากการตัดเย็บและออกแบบตามขนาดของผืนผ้าใบ
ทำให้จุดนี้กลายเป็นจุดแข็งสำคัญที่เพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์มาตลอด 30 ปี ทำให้ กระเป๋าฟรายถาก ราคาแพง แถมยิ่งรีเซลหรือผ่านการใช้งานแล้วยิ่งราคาแพงขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะลวดลายหรือคอลเลกชันหายากยิ่งแพงมาก
ผู้ที่ชื่นชอบกระเป๋าฟรายถากมากๆ จะออกตามหาคอลเลกชันกระเป๋าที่ทำจากผ้าใบผืนเดียวกันมาครอบครอง เกิดเป็นคอมมูนิตี้ตามล่า กระเป๋าฟรายถาก ทั่วโลก จน ฟรายถาก กลายเป็นอีกหนึ่ง 'Cult Brand' ของเมืองซูริกเลยทีเดียว
แน่นอนว่า ฟรายถาก ตอบโจทยสายรักษ์โลกที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังถูกใจสายสตรีท ฮิปสเตอร์ ทุกเพศทุกวัย ด้วยดีไซน์สุดเท่ ทันสมัย สมบุกสมบัน และยังพิเศษมากขึ้นไปอีกเมื่อมีเพียงใบเดียวในโลก
ปัจจุบัน ฟรายถาก มี F-Store หน้าร้านจำหน่ายกระเป๋ากว่า 300 แห่งทั่วโลก รวมทั้งช่องทางขายแบบออนไลน์ที่เปิดให้สั่งสินค้าแบบคัสตอมพิเศษได้อีกด้วย
ความเชี่ยวชาญของ ฟรายถาก ในฐานะแบรนด์รักษ์โลกได้สร้างอิทธิพลและเป็นแรงบันดาลใจให้กับแบรนด์ทั่วโลก ไม่ใช่แค่การตระหนักรู้ถึงสิ่งแวดล้อมของแบรนด์แฟชั่นเท่านั้น แต่ไปจนถึงการสร้างค่านิยม Circular Culture สำหรับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น การให้คุณค่าในขั้นตอนการผลิต การใช้วัสดุทางเลือกหลากหลายประเภทที่เราอาจจะคิดไม่ถึงมาเป็นวัตถุดิบหลักของธุรกิจ
อ้างอิง FREITAG