สวัสดีปีใหม่ 2567 ขอให้ทุกท่านเริ่มต้นปีนักษัตรใหม่ ปีมะโรง หรือปีงูใหญ่ ด้วยทรัพย์ บารมีอำนาจ วาสนา สุขกาย สุขใจ และสุขภาพดี
คนที่เกิดนักษัตรปีมะโรง มีความหมายถึงความยิ่งใหญ่ และพลังอำนาจที่มีพญานาคเป็นสัญลักษณ์ หรือแม้คนที่เกิดนักษัตรอื่นๆ ก็มักถือเคล็ดเดินสายทำบุญกันในปีนี้
ทีมเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้รวบรวมเส้นทางท่องเที่ยวที่มีพญานาคและมังกร เป็นที่นิยมของ “สายมู” ได้ทั้งท่องเที่ยวและเก็บสะสมบุญบารมีตลอดปี ต่อไปนี้
“พญานาค 3 พิภพ” มุกดาหาร
มา จ.มุกดาหาร ที่เดียวสามารถไปสักการะพญานาค 3 พิภพ
เริ่มต้นจากพญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช หรือพญานาคฟ้า สำหรับคนที่ต้องการความเจริญรุ่งเรือง เติบโต เลื่อนตำแหน่ง สร้างบนวัดรอยพระพุทธบาทมโนรมย์ ต.นาสีนวน มีความเชื่อที่ว่าหากใครไปสักการะจะต้องลอดซุ้มคล้ายประตู ในส่วนที่เป็นลำตัวขององค์พญาศรีมุกดาให้ครบทั้ง 7 ซุ้ม เพื่อความสิริมงคลให้กับชีวิต
...
พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช หรือ พญานาคดิน (ปฐพีพิภพ) เป็นองค์พญานาคสีขาวมุก ตั้งอยู่บริเวณแก่งกะเบา ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ มีความเชื่อที่ว่าใครได้มาสักการะจะทำให้ชีวิตมั่นคงและร่ำรวย ถ้าได้เดินทางมาเที่ยวในช่วงของเดือน ม.ค.-พ.ค.จะได้เห็นความสวยงามของแก่งกะเบาที่งดงามสุดๆด้วย
พญาอนันตนาคราช หรือพญานาคน้ำ (บาดาลพิภพ) องค์พญานาคสีดำ พันอยู่บนเสาสีทองต้นใหญ่ หันหน้าไปทางแม่น้ำโขงคือ ความร่มเย็น ร่มรื่น ราบรื่น ตั้งอยู่ที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ต.บางทรายใหญ่ อ.เมือง แนะนำให้มาสักการะในช่วงเย็น จะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสวยงามของริมฝั่งโขง
“พญาศรีสัตตนาคราช” นครพนม
แลนด์มาร์กแห่งความศรัทธาของชาวจังหวัดนครพนม พญาศรีสัตตนาคราชรูปลักษณะเป็นองค์พญานาค 7 เศียร ประทับพักอิริยาบถสงบนิ่งขดลำตัว 3 ชั้น บ่งบอกถึงความสงบสุขของ จ.นครพนม ที่พญานาคเลือกเป็นที่ประทับ รูปทรง 7 เศียร เมื่อรวมกันจะคล้ายดอกบัว ซึ่งในตำนานพญานาคจะเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา หน้าหรือลำตัวพญานาคจะอวบอ้วน เยือกเย็นเสมือนผู้ใหญ่ใจดี ที่สลัดสิ้นซึ่งกิเลส ตัณหา ราคะ เปี่ยมด้วยคุณธรรม ผู้มาขอพรจากท่านจะได้รับความสมประสงค์ สมปรารถนา
พญาศรีสัตตนาคราชสร้างด้วยทองเหลืองทั้งองค์ มีขนาดกว้าง 4.49 เมตร สูง 10.90 เมตร น้ำหนักรวม 9 ตัน ประดิษฐานอยู่บนแท่นรวมความสูง 16.29 เมตร ถือว่าเป็นพญานาคองค์เดียวในโลกที่ไม่เหมือนใคร เพราะที่พระศอมีสร้อยสังวาลที่นำเอาสัญลักษณ์เหนือซุ้มประตูองค์พระธาตุพนมมาสวมคล้องไว้ แสดงถึงองค์พญานาคที่มีความผูกพัน เชื่อมโยง พิทักษ์ ปกปักรักษาองค์พระธาตุพนม ตามตำนานที่กล่าวขานสืบมานานชั่วอสงไขย ที่นี่มีงานบวงสรวงทุกปีในวันที่ 7 เดือน 7
“วัดผาตากเสื้อ” หนองคาย
วัดผาตากเสื้อมีพระอุโบสถและบันไดพญานาคที่สวยงามยิ่ง มีทิวทัศน์แม่น้ำโขงที่สวยงาม มองจากบนผาลงมาจะได้เห็นความเป็นอยู่ของชาวไทย-ลาว ภายในวัดมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ สามารถเดินเลาะตามหน้าผาเพื่อชมธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงามได้ หากไปช่วงหน้าหนาวที่ผาแห่งนี้เป็นอีกจุดหนึ่งมีทะเลหมอก เป็นวัดเหมาะสำหรับปฏิบัติธรรม ภายใต้ความร่มรื่นและเงียบสงบ
...
เล่ากันว่า “พระอาจารย์สมเดช” ลูกศิษย์หลวงปู่เหรียญ ได้ขึ้นไปบำเพ็ญเพียรที่บริเวณที่ตั้งวัดปัจจุบัน ใช้บริเวณบนยอดภูเป็นหลักในการเข้าสู่ภาวะสงบทางใจ เวลาท่านขึ้นไปยอดภูจึงต้องได้ปีนจากด้านล่าง ใช้หินและเถาวัลย์พาขึ้นไป หลายครั้งท่านตกลงมาทำให้ข้าวในบาตรตกไปด้วย บ่อยครั้งก็มีอาการเจ็บป่วย พอนานเข้ามีญาติโยมผู้มีจิตศรัทธา อาสาช่วยสร้างทางขึ้น ปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมทิวทัศน์สองฝั่งโขงจากจุดชมวิวสกายวอล์ก วัดผาตากเสื้ออย่างมาก
“วัดถ้ำศรีมงคล” หนองคาย
ตั้งอยู่บ้านดงต้อง ต.ผาตั้ง ชาวบ้านเรียกกันว่า ถ้ำพญานาค ด้านหน้าถ้ำประดิษฐาน ศาลพ่อปู่อินทร์นาคราช แม่ย่าเกตุนาคราช เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สักการะและขอขมาก่อนจะเดินทางเข้าไปภายในถ้ำ
ตามตำนานเล่าว่า ถ้ำแห่งนี้ใช้เป็นเส้นทางเข้า-ออกระหว่างเมืองบาดาลและโลกมนุษย์ ลักษณะถ้ำดินนี้คล้ายเมืองบาดาลของพญานาค ภายในจะมีความชื้นและมีน้ำไหลตลอดปี มีก้อนหินลักษณะเป็นแท่งตั้งอยู่คล้ายจงใจวางไว้ หากผู้ใดประสงค์เข้าไปสัมผัสเมืองบาดาลอย่างใกล้ชิด ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทาง ไม่ให้เข้าไปโดยพลการอย่างเด็ดขาด
...
“คำชะโนด” อุดรธานี
สถานที่ท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ที่ขึ้นชื่อของ จ.อุดรธานี ที่ทุกคนต้องพูดถึง “คำชะโนด หรือป่าคำชะโนด” เป็นที่เคารพนับถือของพี่น้องชาวอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียง เป็นสถานที่ที่สักครั้งในชีวิตต้องไปสัมผัสให้ได้จากกระแสละครเรื่องนาคี ที่พูดถึงเรื่องราวของพญานาค จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งความโชคดีและอัศจรรย์โดยเฉพาะของ “คอหวย”
คำชะโนดอยู่ที่วัดศิริสุทโธ อ.บ้านดุง ลักษณะเป็นเกาะป่า มีน้ำล้อมรอบอยู่กลางทุ่งนา มีพื้นที่บนเกาะประมาณ 20 ไร่ ถูกปกคลุมไปด้วยต้นคำชะโนดสูงใหญ่ ตามตำนานพื้นบ้านเล่าว่า เป็นประตูสู่เมืองบาดาล ถิ่นที่อยู่อาศัยของพญานาค ปกครองรักษาโดยพญานาคราชปู่ศรีสุทโธและองค์แม่ศรีปทุมมานาคราชเทวี
บริเวณทางเข้าไปในป่าคำชะโนดเป็นทางเดินปูนที่มีกำแพงซ้ายขวาเป็นรูปปั้นลำตัวพญานาค ทุกคนต้องถอดรองเท้าแล้วเดินเท้าเปล่าเข้าไปตามทางเดินนี้ ภายในเกาะคำชะโนดมีศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพและเดินทางมาสักการะไม่ขาดสาย
...
“วัดภูตะเภาทอง” อุดรธานี
วัดภูตะเภาทองเป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ที่ตั้งอยู่ใน ต.กุดหมากไฟ อ.หนองวัวซอ มีพื้นที่กว่า 15 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่ของวัดจะเป็นลานหิน มีก้อนหินขนาดใหญ่รูปร่างแปลกตามากถึง 30 ลูก ว่ากันว่าบริเวณนี้ น่าจะเคยเป็นทะเลมาก่อน แต่ต่อมายกตัวขึ้นกลายมาเป็นลานหินและพื้นดิน รวมถึงน่าจะมีกลุ่มคนผู้เลี้ยงสัตว์หรือนายพราน ใช้บริเวณนี้เป็นเส้นทางการหากิน เพราะมีการพบรอยฝ่ามือคนข้างหินก้อนใหญ่รูปเรือสำเภาโบราณ
ไฮไลต์ของวัดภูตะเภาทองที่มีความศักดิ์สิทธิ์และโดดเด่นมากๆ คือพญานาคราชสีทอง ชื่อมุจลินท์ ที่หลวงพ่อได้สร้างขึ้นตามนิมิตและรอยฝ่ามือแดงตรงหินก้อนใหญ่ แหล่งขอโชคลาภแห่งใหม่ของเมืองอุดรธานี
“วัดอาฮงศิลาวาด” บึงกาฬ
วัดเก่าแก่ที่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าก่อตั้งเมื่อใด ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บ้านอาฮง ต.ไคสี สันนิษฐานว่าแต่ก่อนเคยเป็นวัดป่า ปัจจุบันมีการบูรณะสิ่งก่อสร้างภายในวัดขึ้นมาใหม่ บริเวณวัดกว้างขวางและสวยงาม ในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธคุวานันท์ศาสดา หล่อด้วยทองเหลือง ลักษณะคล้ายกับพระพุทธชินราช
มีความเชื่อกันว่าลำน้ำโขงในบริเวณหน้าพระอุโบสถของวัดเป็นจุดที่ลึกที่สุดในแม่น้ำโขง เรียกว่า “สะดือแม่น้ำโขง” เคยมีการวัดความลึกโดยใช้เชือกผูกกับก้อนหินหย่อนลงไปได้ลึกถึง 200 เมตร ในฤดูน้ำหลากกระแสน้ำจะไหลวนเป็นรูปกรวยขนาดใหญ่ เมื่อรูปกรวยแตกจะมีเสียงคล้ายกระแสน้ำไหลเซาะโขดหินแล้วค่อยๆหายไป เมื่อกระแสน้ำเชี่ยวมาอีกก็จะก่อตัวขึ้นใหม่เกิดสลับกันตลอดทั้งวัน
หน้าแล้งในเดือน มี.ค.-พ.ค.จะมองเห็นเกาะแก่งกลางน้ำชัดเจน แต่ละปีบริเวณนี้ มีบั้งไฟพญานาคขึ้นเป็นจำนวนมาก และในบริเวณวัดมีรูปปั้นของเทพธิดาสะดือแม่น้ำโขง ชาวบ้านนิยมมาบนบานศาลกล่าวให้ได้โชคลาภและสมหวังในความรัก
“ถ้ำนาคา” บึงกาฬ
ความสวยงามโดดเด่นจากความมหัศจรรย์และซับซ้อนของธรรมชาติที่ทำให้หินบริเวณถ้ำนาคา ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูลังกา มีลักษณะคล้ายเกล็ดงู ในทางวิทยาศาสตร์ด้านธรณีวิทยาเรียกว่า “ซันแครก” เกิดจากการแตกผิวหน้าของหิน
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่แตกต่างกันระหว่างกลางวันและกลางคืนอย่างรวดเร็ว ทำให้หินเกิดการขยายตัวและหดตัวสลับไปมา จนแตกเป็นลายเหลี่ยม ต่อมามีการผุพังและกัดเซาะโดยน้ำและอากาศในแนวดิ่ง ทำให้เกิดลักษณะเป็นชั้นๆ ลวดลายคล้ายกับพญานาค เป็นที่มาของเรื่องเล่าว่า เจ้าปู่อือลือราชาเป็นราชาผู้ถูกสาปให้เป็นพญานาคเฝ้าถ้ำแห่งนี้ชั่วนิจนิรันดร์ เพราะเป็นต้นเหตุของรักไม่สมหวังระหว่างพญานาคกับมนุษย์ ทำให้เมืองที่เจริญรุ่งเรืองล่มสลายกลายเป็นบึงโขงหลง พระอือลือราชาจะพ้นคำสาปก็ต่อเมื่อบังเกิดเมืองขึ้นใหม่
การเดินทางขึ้นไปยังถ้ำนาคาสามารถขึ้นได้ทางเดียว คือบริเวณสำนักสงฆ์ฐิติสาราราม (วัดตาดวิมานทิพย์) เส้นทางน้ำตกตาดวิมานทิพย์ จุดนี้ระหว่างทางจะพบประตูเต่า หินหัวเรือ หัวนาคาหัวที่ 3 และเมื่อขึ้นถึงบนเขาจะมีทางไปพบหัวนาคาหัวที่ 1 ซึ่งจะเป็นทางเดินป่าขึ้นเขา 2 กิโลเมตร เป็นทางเดินสลับกับบันไดและมีบางช่วงจะต้องดึงเชือก เส้นทางเดินป่าชัดเจน มีป้ายบอกทาง และมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ เพื่อแนะนำและรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว
“วัดประชาราษฎร์บำรุง” นครปฐม
มีอีกชื่อว่า วัดรางหมัน เป็นวัดที่พระครูสุกิจธรรมสร (หลวงพ่อหว่าง) ก่อตั้งขึ้น มีอายุไม่น้อยกว่า 80 ปี ภายในวัดมีวิหารอายุยืน สร้างด้วยศิลปะปูนปั้นประติมากรรมรูปเทวดา พญานาค และมังกรสีขาว มีความประณีตงดงาม บริเวณด้านหน้าวิหารประดิษฐานหลวงปู่ดำ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทรง เครื่องสมัยรัตนโกสินทร์ และรูปหล่อหลวงปู่แผ้ว ปวโร พระเกจิ อาจารย์ชื่อดัง ซึ่งได้รับการขนานนามว่า เทพเจ้า แห่งเมืองกำแพงแสน เป็นพระเถระที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาและบารมี ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก และเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักสะสมวัตถุมงคล
“วัดสามพราน” นครปฐม
วัดแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมงดงามแปลกตา โดยได้ผสมผสานศิลปะไทยและจีนไว้ด้วยกันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะในช่วงตรุษจีน สิ่งที่โดดเด่นของวัดแห่งนี้ที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล คือ “พญามังกรตะกายฟ้า” เป็นกุฏิสีชมพูทรงกลม 16 ชั้น ความสูง 80 เมตร เปรียบเสมือนพรรษาที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้านนอกของกุฏิมีมังกรสีเขียวขนาดใหญ่พันรอบตัวอาคารสีชมพู จากด้านล่างไปจนถึงยอดตึกที่หาชมได้ที่นี่เพียงแห่งเดียว ภายในตัวมังกรเป็นบันไดทางเดินที่มีลักษณะเป็นอุโมงค์ ด้านบนเป็นจุดชมวิว ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปหลวงพ่อพุทโธภาวนา องค์สีทองปางประทานพร ประดิษฐานอยู่บนดอกบัวสีชมพูของอาคารปฏิบัติธรรม 4 ชั้น ส่วนในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธานองค์เล็กที่สุดและมากที่สุดในโลกถึง 1,250 องค์
พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร
พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์) แลนด์มาร์กของ จ.สุพรรณบุรี มาที่นี่ได้สักการะศาลหลักเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลและได้เรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีนที่ยาวนานถึง 5,000 ปี ตั้งแต่ลำดับราชวงศ์สมัยหวงตี้ถึงราชวงศ์ชิง การจัดแสดงนิทรรศการภายในอาคารเป็นรูปลำตัวมังกร ออกแบบตามลักษณะความเชื่อของคนจีนอย่างถูกต้อง ประกอบด้วย หน้าต้องเป็นอูฐ ตาเหมือนกระต่าย เขาของกวาง หูของวัว ตัวของงู เกล็ดของปลา ขาของเสือ อุ้งเท้าของเหยี่ยว สีของลำตัวเลียนแบบเครื่องกังไสโบราณ
ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่ชอบเรียนรู้เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ประวัติบุคคลสำคัญ ปรัชญา ภูมิปัญญา และการค้นพบประดิษฐกรรมสำคัญของบรรพบุรุษชาวจีน ผ่านสื่อจัดแสดงที่ทันสมัย เช่น ภาพยนตร์ ระบบโสตทัศนูปกรณ์ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แสง เสียง หุ่นจำลอง ห้องฉายภาพยนตร์ มุ่งเน้นให้ผู้เข้าชมได้รับความรู้และความเพลิดเพลิน สอดแทรกคุณธรรมสำคัญในการดำเนินชีวิต.
ทีมเศรษฐกิจ
คลิกอ่านคอลัมน์ "สกู๊ปเศรษฐกิจ" เพิ่มเติม