ทุเรียน ราชาแห่งผลไม้ ที่มีหลากหลายพันธุ์ ทั้งหมอนทอง พวงมณี กระดุม ก้านยาว ชะนี ถ้าใครชอบกินทุเรียนก็จะชอบจนหลงใหล เพราะกลิ่นหอมเย้ายวน และเมื่อได้ลิ้มลองจะรัก เพราะได้พบกับเนื้อทุเรียนผิวกรอบเบาๆ กัดกินแล้วพร้อมละลายในปาก อร่อยจนหยุดไม่ได้ ยิ่งกินเยอะยิ่งฟิน สารความสุขซึมซาบไปทั่วร่าง

นั่นคือความสุขขณะที่กำลังกินทุเรียน จนหลายคนไม่อาจหยุดได้ หยิบเม็ดแล้วเม็ดเล่า เผลอนิดเดียวจัดไปหลายพูจนอิ่มจัด ขนาดที่ว่าลมหายใจออกมามีกลิ่นทุเรียนกันเลยทีเดียว ความสุขแบบนี้เรียกได้ว่าไม่พอดี และมักมีคำเตือนออกมาเสมอในช่วงหน้าทุเรียนแบบนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ต่างย้ำว่าการกินทุเรียนในปริมาณมาก แม้จะไม่ได้เสียชีวิตโดยทันที แต่อาจทำให้ชีวิตเราสั้นลงได้ง่ายๆ เพราะโรคที่เกิดจากความหวาน และไขมันจะตามมาเจอเราได้

ดร.สง่า ดามาพงษ์ นักโภชนาการอิสระ ให้คำแนะนำคนรักทุเรียนว่า ถ้าชอบกินทุเรียน ต้องกินอย่างฉลาด ก็จะได้ประโยชน์มากกว่าโทษ ต้องตั้งสติ ตระหนัก ต้องมีความรู้ว่า กินทุเรียนปริมาณมากจะทำลายสุขภาพ เป็นอันตราย จึงอยากจะบอกว่า อย่าให้ชีวิตล่องลอยกับกลิ่นทุเรียน และมีคำแนะนำในการกินทุเรียนให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ 8 ข้อ ดังนี้

...

1. กินทุเรียนปริมาณพอดี ความพอดีที่ว่า คือ ไม่ควรเกิน 1 พู หรือ 2 เม็ด ต่อครั้งในแต่ละวัน โดยสัปดาห์หนึ่งไม่ควรกินเกิน 3 วัน หากอยากกินมากกว่านี้ ก็ทำได้ แต่ควรเลือกทุเรียนที่ไม่สุกงอม เละเกินไป เพราะยิ่งสุก ยิ่งเละ ยิ่งหวานจัด ควรเลือกแบบกึ่งห่าม เพราะแป้ง น้ำตาลจะน้อยกว่าทุเรียนที่สุกมาก

2. การกินทุเรียนส่วนใหญ่ควรกินในช่วงเวลาอาหารว่าง จากนั้นต้องเตือนตัวเองว่า เมื่อถึงเวลาอาหารมื้อหลัก ควรลดปริมาณแป้ง น้ำตาล เพราะตอนกินทุเรียนเป็นอาหารว่าง ได้พลังงานมาะสะสมแล้ว หากยังกินข้าวหรือแป้งในมื้อหลักเท่าเดิม จะเท่ากับว่ามีพลังงานส่วนเกิน หากใครเลือกเวลากินทุเรียนช่วงหลังอาหาร ก็ต้องกินข้าวหรือแป้งน้อยลงก่อนเช่นกัน

3. คนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด กินได้แต่ต้องมีปริมาณน้อยกว่าคนทั่วไป

4. ต้องออกกำลังกายอย่างน้อยก็เดินครึ่งชั่วโมง เพื่อเผาผลาญน้ำตาลออกให้ได้

5. กินผลไม้ที่มีน้ำเยอะๆ และหวานน้อย อย่างที่มีคำแนะนำกันเรื่องการกินมังคุดตามหลังกินทุเรียน จึงเหมาะสมที่สุด เพราะมังคุดมีฤทธิ์เย็น ส่วนทุเรียนมีฤทธิ์ร้อน จึงกินคู่กันได้ และต้องวางแผน ไม่กินผลไม้ที่มีความหวานสูงพร้อมกัน โดยเฉพาะในฤดูกาลผลไม้นี้มีทั้งมะม่วงสุก เงาะ ลิ้นจี่

6. อย่ากินน้ำอัดลมและกาแฟตาม เพราะมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท และมีความหวาน

7. ห้ามกินกับเหล้า แอลกอฮอล์เด็ดขาด เพราะในทุเรียนมีสารกำมะถันหรือซัลเฟอร์ ทำให้เมาหนักขึ้น อาจทำให้เกิดความผิดปกติต่อระบบหายใจ เสี่ยงที่จะเสียชีวิต

8. สำหรับความเชื่อเรื่องการนำน้ำใส่ในพูทุเรียนแล้วดื่มนั้น เป็นกุศโลบาย ให้ดื่มน้ำตามเยอะๆ ซึ่งความจริงดื่มน้ำจากแก้วตามปกติก็เพียงพอ ส่วนความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง คือ หลังกินทุเรียนให้กินน้ำละลายเกลือเล็กน้อย เพราะจะเป็นผลเสียต่อร่างกายมากกว่าจากการได้รับโซเดียม หรือความเค็ม เพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ได้ความหวานมาอย่างเต็มที่แล้ว

ดร.สง่า เปรียบเทียบให้เห็นภาพอีกว่า การกินทุเรียน 1 เม็ด เท่ากับปริมาณอาหารมื้อปกติอย่างไรบ้าง โดยมาพิจารณาจากพันธุ์ทุเรียนที่ได้รับความนิยม หาซื้อง่าย คือ พันธุ์หมอนทอง หากกิน 2 เม็ด จะให้พลังงานประมาณ 312 กิโลแคเลอรี เปรียบเทียบได้เท่ากับกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อ 1 ชาม หากกิน 2 พู หรือ 4-6 เม็ด จะให้พลังงานถึง 520-800 กิโลแคลอรี เท่ากับข้าวมันไก่ 2 ชาม หรือเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว 1 จาน

...

สำหรับพันธุ์ทุเรียนต่างกัน ก็ให้พลังงานต่างกัน ตามที่กรมอนามัยเปิดเผยข้อมูลก่อนหน้านี้ โดยเปรียบเทียบทุเรียนน้ำหนัก 100 กรัม หรือ 1 ขีด ว่า

ทุเรียนก้านยาวให้พลังงานสูงสุด คือ 180 กิโลแคลอรี ทุเรียนหมอนทองให้พลังงาน 156 กิโลแคลอรี ทุเรียนชะนีให้พลังงาน 139 กิโลแคลอรี และทุเรียนกระดุมให้พลังงาน 129 กิโลแคลอรี

หลักการการกินอาหารนั้น ถือว่าอาหารทุกชนิดมีประโยชน์ แต่ต้องกินหลากหลาย ไม่ซ้ำซากจำเจ ไม่เช่นนั้นจะเป็นโทษมากกว่าเป็นประโยชน์ ที่สำคัญต้องกินพอดี ก็จะดีต่อร่างกาย ทุเรียนก็เช่นกัน กินอย่างมีสติแล้วได้พลังงาน ได้สารอาหาร ซึ่งมีทั้งไฟเบอร์ กำมะถัน วิตามิน เบตาแคโรทีน วิตามินเอ

กินแล้วหากไม่ออกกำลังกาย ของอร่อยที่กินไปแล้วไม่ถูกเผาผลาญ ร่างกายก็จะเปลี่ยนแป้งและนำ้ตาลเป็นไขมันสะสมในร่างกาย เป็นผลเสียต่อสุขภาพในที่สุด