ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ม.ค.60 ปิดที่ 1,578.82 จุด บวก 8.03 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 62,246.32 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 830.99 ล้านบาท
งานสัมมนา “ทิศทางตลาดหุ้นหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง” มีมุมมองที่น่าสนใจจากนักวิเคราะห์และผู้บริหารระดับสูงของโบรกเกอร์ โดย “ไพบูลย์ นรินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ มองว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” จะไม่สามารถนำนโยบายหาเสียงมาทำได้ทั้งหมด โดยเฉพาะนโยบายกีดกันการค้า คาดว่าจะเน้นไปที่นโยบายที่มีความจำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศก่อน
โดยนำนโยบายการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมาทำก่อน เนื่องจากสหรัฐฯไม่ได้ลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานมานานแล้ว รวมถึงการปลดภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เพื่อกระตุ้นเอกชนให้เกิดการลงทุน และสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ เนื่องจากที่ผ่านมาถูกเก็บภาษีสูงมาก
สำหรับนโยบายกีดกันการค้าหากทำได้จริง จะมีบริษัทน้อยรายเท่านั้นที่จะกลับเข้าไปทำธุรกิจในสหรัฐฯได้ เช่น กลุ่มสินค้าที่มีเทคโนโลยีมาก หรือสินค่าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เนื่องจากมีต้นทุนค่าแรงที่สูงมาก ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯไม่สามารถตั้งกำแพงภาษีนำเข้าได้สูงถึง 45% ได้ เนื่องจากยังต้องพึ่งพาการผลิตสินค้าบางประเภทจากจีนอยู่
ด้านตลาดหุ้นมองว่า ด้วยสภาพคล่องที่มีสูงมาก หากดอกเบี้ยเป็นแนวโน้มขาขึ้นจะทำให้พันธบัตรมีความเสี่ยงจนนักลงทุนโยกเม็ดเงินไปลงทุนให้กองทุนหุ้น ซึ่งจะหนุนหุ้นทั่วโลกให้ปรับตัวขึ้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ด้วยว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรุนแรงหรือไม่
ขณะที่ประเมินตลาดหุ้นไทยปีนี้ดัชนีจะขึ้นไปได้ถึง 1,650 จุด และมีความผันผวนของกระแสเงินทุน เนื่องจากความไม่ชัดเจนของนโยบาย “ทรัมป์” ว่าจะสามารถนำมาดำเนินการได้จริงแค่ไหน แต่จะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันการค้า เนื่องจากสหรัฐฯมีสัดส่วนนำเข้าสินค้าจากไทยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนปัจจัยการเลือกตั้งในยุโรปยังเป็นสิ่งที่ต้องจับตา เนื่องจากพรรคการเมืองเริ่มนำกระแสการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง!!
ด้าน “สุกิจ อุดมศิริกุล” กรรมการผู้จัดการ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า หุ้นไทยที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากนโยบาย “ทรัมป์” ได้แก่หุ้นในกลุ่มที่ตั้งบริษัทอยู่ในสหรัฐฯ เช่น TU-IVL-CPF เนื่องจากได้ประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลลงจาก 35% เหลือ 15% ขณะที่หุ้นส่งออกไม่น่าได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันการค้าเนื่องจากสหรัฐฯมีสัดส่วนการนำเข้าจากไทยน้อยมาก แต่อาจกระทบทางอ้อมจากการส่งออกจีนที่หดตัวลง!!
อินเด็กซ์ 51