หุ้นพลังงานโลด!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 ธ.ค.59 ปิดที่ 1,512.38 จุด เพิ่มขึ้น 2.14 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 62,216.27 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 833.97 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 364 บาท บวก 15 บาท, PTTEP ปิด 88.50 บาท บวก 6 บาท, AOT ปิด 402 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, ESSO ปิด 13.30 บาท บวก 0.10 บาท และ PTTGC ปิด 64.25 บาท บวก 1.75 บาท

หุ้นไทยปรับขึ้นได้จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน นำโดยกลุ่ม ปตท.ที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรงหลังกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อส่งออก (OPEC) บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการปรับลดกำลังการผลิตเหลือวันละ 32.5 ล้านบาร์เรล

บล.ทิสโก้ระบุว่า หากตัดหุ้นในกลุ่ม PTT ออกดัชนีตลาดจะปรับตัวลงเล็กน้อย จากแรงขายทำกำไรในหุ้นในกลุ่มอื่นที่ปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้านี้ ขณะที่มองธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือน ธ.ค.นี้ แต่เชื่อว่าตลาดได้ซึมซับรับประเด็นนี้ไปมากแล้ว แต่ถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ยจริง ยังอาจมีผลต่อกระแสเงินทุนไหลออกอยู่บ้าง ซึ่งต้องติดตามอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ว่าจะเร่งตัวการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

ทั้งนี้ ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ เพราะใกล้ช่วงวันหยุดยาว ขณะที่มีปัจจัยต่างประเทศสำคัญที่ต้องติดตามคือผลประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลีในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งมีโอกาสราว 60% ที่ชาวอิตาลี จะลงประชามติคัดค้านไม่รับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะส่งผลทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่า เงินทุนจะหนีเข้าไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ เป็นต้น

แนะกลยุทธ์การลงทุน หากดัชนีย่อตัวลงมาตามแรงกดดันจากประเด็นการลงประชามติของอิตาลี ถือเป็นจังหวะเลือกซื้อหุ้นรายตัวที่มีแรงหนุนจากเม็ดเงิน LTF&RMF ในเดือนสุดท้ายของปี ที่คาดว่าจะเข้าซื้อราว 3 หมื่นล้านบาท

เลือก CPN-ADVANC เป็นหุ้น Top pick ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 1,500-1,498-1,490 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,520-1,525 จุด

บล.ฟิลลิปแนะกลยุทธ์การลงทุน ขึ้นขาย-ลงซื้อตามรอบการแกว่งตัวของตลาดโดยเลือกหุ้นเป็นรายตัว ที่มีแนวโน้มผลประกอบการดี ได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศ รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นใช้จ่ายของภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เลือกหุ้น BCH-AAV-BEAUTY-ROBIN-CKโดดเด่น!!

อินเด็กซ์51