ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 มิ.ย.59 ปิดที่ 1,415.76 จุด ลดลง 8.52 จุด ระหว่างวันเคลื่นไหวในกรอบ 1,415.73–1,429.08 จุด ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 42,857.62 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด SCB ปิด 137 บาท บวก 3 บาท, PTTEP ปิด 77 บาท ลบ 0.75 บาท, AOT ปิด 390 บาท ลบ 6 บาท, IVL ปิด 33.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ PTT ปิด 299 บาท ลบ 2 บาท
หุ้นไทยโดนแรงขายทำกำไรกดดัชนีหลังไม่สามารถขึ้นมาแตะระดับ 1,430 จุดได้ กดดัชนีปิดใกล้จุดต่ำสุดของวัน
บล.เอเซีย พลัส ชี้ว่าตลาดหุ้นไทยช่วงนี้มี upside ที่จำกัด โดยยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆที่มีน้ำหนักหรือมีนัยสำคัญเข้ามาช่วยหนุน โดยนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ต่างรอดูผลการประชุมโอเปก และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น ยังมีแรงขายทำกำไรออกมาได้อีก ทำให้ดัชนียังมีโอกาสปรับฐานได้ต่อ ด้านเทคนิคให้แนวรับ 1,410 จุด ส่วนแนวต้าน 1,425 จุด
มีบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มพลังงานที่น่าสนใจ โดย บล.ทิสโก้ ระบุว่าจากการพูดคุยกับนักลงทุนสถาบันในประเทศมีประเด็นสำคัญคือ นักลงทุนมองราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มพลังงาน
ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจกลุ่มที่ราคาอิงกับน้ำมัน (PTT, PTTEP, PTTGC) มากกว่ากลุ่มที่ไม่อิงราคาน้ำมัน (อิงส่วนต่างราคา หรือมีความสัมพันธ์ที่ผันแปรกับราคาน้ำมัน เช่น TOP, BCP และ IRPC)
ขณะที่มองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การขายสินทรัพย์ของ PTT โดยนักลงทุนมองว่ามีอัพไซด์จากการที่ PTT มีโอกาสขายโรงงาน LNG แต่ทิสโก้มองว่ามีส่วนแบ่งกำไรที่จำกัด ส่วนการจดทะเบียนธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจะช่วยให้อัพไซด์เพิ่มขึ้น 20 บาท/หุ้น หรือราว 6% ของมูลค่าที่เหมาะสม และนักลงทุนมองว่าธุรกิจ LNG สร้างผลตอบแทนต่ำ จึงแนะเพียง “ถือ” PTT ให้มูลค่าที่เหมาะสม 312 บาท
ส่วน PTTEP นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ให้ความสนใจต่อผลประกอบการที่ล่าช้าจากราคาขายที่ลดลงและส่วนใหญ่ยังไม่มีหุ้นในพอร์ต จึงแนะ “ถือ” ให้มูลค่าที่เหมาะสม 65 บาท
ขณะที่ PTTGC นักลงทุนมองว่าการเปลี่ยนแปลงของน้ำมันดิบมีความสัมพันธ์กับราคาของ PTTGC แต่นักลงทุนบางส่วนยังกังวลด้านการหยุดผลิต ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการลดลง โดยทิสโก้คาดว่าผลประกอบการครึ่งปีหลัง จะเพิ่มขึ้นจากยอดขายที่เป็นปกติ แนะให้ “ซื้อ” มีมูลค่าเหมาะสม 68 บาท!!
อินเด็กซ์ 51