รฟท.ทุ่มแสนล้านลุยรถไฟไฟฟ้า

นำร่อง 4 เส้นทางเปลี่ยนถ่ายจากระบบดีเซลร้อยปี

นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารสินทรัพย์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการกำกับและติดตามโครงการรถไฟความเร็วสูง ได้อนุมัติหลักการให้ รฟท. ดำเนินโครงการเดินรถไฟด้วยระบบไฟฟ้าบนเส้นทางคู่ (รถไฟไฟฟ้า) เพื่อทดแทนการเดินรถไฟด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 เส้นทาง วงเงินลงทุนรวม 100,907 ล้านบาท สำหรับ 4 เส้นทาง คือ 1.สายเหนือ ชุมทางบางซื่อ-บ้านภาชี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 252 กม. วงเงิน 28,720.24 ล้านบาท 2.สายตะวันออกเฉียงเหนือ ชุมทางบางซื่อ-บ้านภาชี-แก่งคอย-ถนนจิระ ระยะทาง 243 กม.วงเงิน 23,682.12 ล้านบาท 3.สายใต้ ชุมทางบางซื่อ-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 209 กม. วงเงิน 33,572.42 ล้านบาท 4.สายตะวันออก ชุมทางบางซื่อ-มักกะสัน-ฉะเชิงเทรา-พัทยา ระยะทาง 160 กม. วงเงิน 10,127.29 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงผลการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นของโครงการว่า ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (อีไออาร์อาร์) รวม 4 เส้นทางอยู่ที่ 13.84% โดยชุมทางบางซื่อ-หนองปลาดุก-หัวหิน มีค่าอีไออาร์อาร์สูงสุดที่ 13.64% รองมาคือชุมทางบางซื่อ-บ้านภาชี-แก่งคอย-ถนนจิระ 13.19%, ชุมทางบางซื่อ-มักกะสัน-ฉะเชิงเทรา-พัทยา ผลตอบแทนติดลบ 10.55% และชุมทางบางซื่อ-บ้านภาชี-ปากน้ำโพ ติดลบ 7.01% ส่วนผลตอบแทนทางการเงิน (เอฟไออาร์อาร์) รวม 4 สายทางอยู่ที่ 9.08% โดยสายตะวันออกเฉียงเหนือมีเอไออาร์อาร์สูงสุด 10.84% รองลงมาคือสายตะวันออก 6.90% สายใต้ 6.15% และสายเหนือ 5.13% “ผลศึกษาระบุว่าสายตะวันออกเฉียงเหนือมีความเหมาะสมที่จะลงทุนมากที่สุด เพราะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงสุดลำดับที่ 2 แตกต่างจากลำดับที่ 1 คือ สายใต้ไม่มากนัก และมีผลตอบแทนทางการเงินสูงสุด คือสูงกว่าลำดับที่ 2 สายตะวันออกอย่างมีนัยสำคัญ รองลงมา คือเส้นทางสายใต้ โดยขณะนี้ รฟท.มีงบฯออกแบบ 4 เส้นทางแล้ว แต่คณะอนุกรรมการฯได้ให้ศึกษาโรดแม็ปภาพรวมทั้งประเทศเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ การเดินรถด้วยระบบไฟฟ้ามีต้นทุนถูกกว่าดีเซล 25-30% และลดค่าซ่อมบำรุงรางได้ราว 2-5%.