หุ้นขึ้นก่อน-หลังเลือกตั้ง!

Money

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

หุ้นขึ้นก่อน-หลังเลือกตั้ง!

Date Time: 7 มี.ค. 2566 05:07 น.

Summary

  • บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประเมินปัจจัยการเลือกตั้งรอบใหม่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมาก โดยตลาดหุ้นมีความคาดหวังเชิงบวก โดยระบุว่า คาดว่าจะยุบสภาในเดือน มี.ค.ก่อนสภาฯจะครบวาระ

Latest

“ลดภาษีเงินได้ - เพิ่ม VAT” ช่วยดันหุ้นไทย 100 จุด หนุนกำไร บจ. เพิ่มอีก 6%

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประเมินปัจจัยการเลือกตั้งรอบใหม่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมาก โดยตลาดหุ้นมีความคาดหวังเชิงบวก โดยระบุว่า คาดว่าจะยุบสภาในเดือน มี.ค.ก่อนสภาฯจะครบวาระวันที่ 23 มี.ค.นี้ คาดวันเลือกตั้งจะอยู่ช่วงเดือน พ.ค.66

การเมืองถือเป็นประเด็นที่มีผลต่อเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างมาก โดยตลาดหุ้นมักจะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น หากพิจารณาสถิติย้อนหลังช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการเลือกตั้งสำคัญ 5 ครั้ง (ปี 44-62) พบว่า SET ปรับตัวขึ้นเด่น 3 เดือนก่อนวันเลือกตั้ง ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +3.4%

และปรับขึ้นต่อเนื่อง 1 เดือนหลังเลือกตั้ง ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +3.4% (โอกาสความน่าจะเป็น 60%) และหลังจากนั้น SET ยังมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อ ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง +5.3% ท่ามกลางโอกาสความน่าจะเป็นที่ SET จะปรับขึ้นต่อสูงถึง 80% หลังเลือกตั้ง แต่ต้องพิจารณาถึงขั้วการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งเป็นสำคัญ!!

หากพิจารณารายอุตสาหกรรม กลุ่มที่อิงการฟื้นตัวในประเทศจะปรับขึ้นเด่นในช่วงเก็งการเลือกตั้ง ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายภาครัฐฯที่จะออกมา จากสถิติพบว่ากลุ่มที่มักปรับตัวดีในช่วงก่อนเลือกตั้งได้แก่ กลุ่มสื่อสาร, สื่อและสิ่งพิมพ์, ค้าปลีก และอาหาร แนะนำ ADVANC (เป้าหมาย 240 บาท) COM7 (เป้าหมาย 40.3 บาท) PLANB (เป้าหมาย 10.7 บาท) TU (เป้าหมาย 21.8 บาท)

และหุ้นกลุ่มที่มักถูกแรงเก็งกำไรส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับหุ้นที่อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่พรรคการเมืองต่างๆ หยิบยกขึ้นมาเรียกคะแนนเสียง

สถิติการเลือกตั้งสำคัญ 5 ครั้ง ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา กลุ่มที่ขยับขึ้นเด่นช่วง 3 เดือนก่อนเลือกตั้ง นำโดยกลุ่มสื่อสาร (+8.6%), กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (+7.3%), กลุ่มค้าปลีก (+6.4%), กลุ่มอาหาร (+5.6%) ส่วนกลุ่มที่มักปรับตัวขึ้นเด่น หลังเลือกตั้ง เช่น กลุ่มไฟแนนซ์, อสังหาริมทรัพย์, สื่อสาร, ธนาคาร, สื่อและสิ่งพิมพ์ ส่วนกลุ่มที่สถิติบ่งชี้ว่ามักไม่ตอบรับเชิงบวกกับการเลือกตั้ง เช่น กลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งอาจเป็นอุตสาหกรรมที่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโลกมากกว่า

ทั้งนี้ 4 กลุ่มที่คาดมีปัจจัยบวกหนุนราคาขึ้นคือสื่อสาร ค้าปลีก สื่อและสิ่งพิมพ์ กลุ่มอาหาร หุ้นเด่นที่น่าสะสมกลุ่มต่าง เช่น ADVANC, JMART, COM7, CRC, CPALL, HMPRO, PLANB, TU, SNNP, SAPPE!!

อินเด็กซ์ 51


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ