นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมได้ส่งหนังสือเตือนไปยังผู้ที่มีรายได้ที่ถึงเกณฑ์ในการยื่นแบบชำระภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดาจำนวน 35,000 คน เพื่อให้เข้ามายื่นแบบแสดงรายการภาษี หากไม่มายื่นแบบภายในวันเวลาที่กำหนด จะถูกประเมินภาระภาษี ที่มีค่าเบี้ยปรับและเงินเพิ่มด้วย ซึ่งจำนวนรายที่ได้ส่งหนังสือเตือนไป ปีนี้ยอดเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 10,000 ราย เป็นผลจากการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มาช่วยตรวจสอบผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องชำระภาษี สะท้อนว่ามีกลุ่มบุคคลมีรายได้เพิ่มขึ้น
“การส่งหนังสือเตือน เป็นผลมาจากผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์ ไม่มายื่นแบบชำระภาษีตามกำหนด จึงต้องออกหนังสือแจ้งเตือนผู้ที่ได้รับหนังสือเตือน ไม่ต้องกังวลหรือกลัวเรื่องการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง เพราะจะพิจารณาเฉพาะปีภาษีนี้เท่านั้น ส่วนเรื่องภาษีย้อนหลังต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ”
สำหรับยอดการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร ใน 5 เดือนของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.65-ก.พ.66) เกินกว่าเป้าหมาย 70,000 ล้านบาท เป็นผลจากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นตัว การบริโภคในประเทศดีขึ้น ทำให้การจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีด้วย ปีที่แล้วราคาน้ำมันแพง ทำให้ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) เพิ่มขึ้นมาก แต่ปีนี้ราคาน้ำมันถูกลง การจัดเก็บแวตก็ต้องลดลง ทำให้ปีนี้จะไม่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันแพง แต่จะได้รับผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแทน เพราะเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ก็เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ วันที่ 5 เม.ย. มีผู้เข้ามายื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2565 แล้ว 10.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีภาษี 2564 โดยมีจำนวนผู้ที่ขอคืนภาษี 3.65 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกรมได้ทำการคืนภาษีแล้วราว 77% ของจำนวนที่ยื่นขอคืนทั้งหมด หรือ 2.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนภาษีที่ขอคืน คิดเป็น 26,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา.