หากใครเคยดูซีรีส์เกาหลี ก็มักจะเห็นแอปพลิเคชันแชทคุ้นตาอย่าง “KakaoTalk” แอปฯ เหลืองยอดนิยมของเกาหลีที่ปัจจุบันยังคงครองตำแหน่งแอปฯ แชทที่มีผู้ใช้สูงที่สุดในเกาหลีใต้ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 97% มีจำนวนผู้ใช้ทั่วโลกกว่า 53.5 ล้านคนต่อเดือน และมียอดดาวน์โหลดแอปฯ ทั้งบนระบบ iOS และ Android รวมกว่า 250 ล้านครั้ง
ความพิเศษของ KakaoTalk คือการเป็นแอปพลิเคชันที่มากกว่าแค่แพลตฟอร์มแชท แต่ยังเป็นพื้นที่แชร์ข่าวสาร โซเชียลมีเดีย ไปจนถึงช้อปปิ้ง ซื้อของและจ่ายเงินได้เลยบนแพลตฟอร์ม (ถ้าในประเทศไทยบ้านเราก็จะคล้าย LINE ที่ตอนนี้ทำได้ครบแบบนี้เช่นกัน)
ที่ KakaoTalk ทำได้ครบเช่นนี้ได้ เพราะบริษัทแม่อย่าง “Kakao Corp.” ที่ได้ชื่อว่าเป็น Internet Company ได้มีกลยุทธ์ขยายธุรกิจแบบกว้านทั้งอุตสาหกรรมดิจิทัล เพราะปัจจุบันนี้ Kakao Corp. มีกิจการอยู่ในมือตั้งแต่ธุรกิจบันเทิง เกม การเงิน ไปจนถึงขนส่งและแท็กซี่ ซึ่งทุกอย่างล้วนมีโครงสร้างทางเทคโนโลยีของบริษัทคอยควบคุม ส่งผลให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของเกาหลีใต้
ในบทความนี้ Thairath Money คอลัมน์ How to Make Money จะพาไปทำความเข้าใจแนวคิดทำธุรกิจอย่างชาญฉลาดฉบับ Kakao ที่ทำให้บริษัทโตได้อย่างรวดเร็ว เริ่มต้นจากแอปฯ แชท สู่การก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของอุตสาหกรรมดิจิทัลเกาหลีใต้ Kakao ทำอะไรอยู่บ้าง? และจะทำอะไรต่อไป?
จุดเริ่มต้นของบริษัท Kakao Corporation เกิดขึ้นในปี 2010 โดย Kim Beom-su (คิม บอมซู) ที่ได้เลือกเดินออกจาก NHN Corporation บริษัทที่อยู่เบื้องหลัง Naver และ Hangame ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเสิร์ชและเกมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ในช่วงต้นปี 2000 โดยเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและยังเป็นอดีต CEO ของ NHN อีกด้วย
ในปี 2006 ทาง Kim Beom-su ตัดสินใจลาออกจาก NHN เนื่องจากต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และมองเห็นโอกาสในตลาดโมบายอินเทอร์เน็ตที่กำลังเติบโต อีกทั้งยังมองว่า NHN กำลังมาถึงทางตันในการสร้างนวัตกรรม เพราะบริษัทกำลังขยายขนาดทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ยาก
ในช่วงแรก Kim Beom-su ได้เลือกเดินในสายผลิตสตาร์ทอัพแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งในปี 2010 ที่ได้เปิดตัว “KakaoTalk” ให้เป็นแพลตฟอร์มแชทที่ใช้งานง่ายและฟรีบนสมาร์ทโฟน นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ KakaoTalk กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ครองใจคนเกาหลีใต้ และเป็นรากฐานของอาณาจักร Kakao ในปัจจุบัน
ความยิ่งใหญ่ของ Kakao ขยายใหญ่ขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2014 ทาง Kakao ได้เข้าควบรวมกิจการกับ Daum Communications หนึ่งในผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตพอร์ทัลและเว็บพอร์ทัลรายใหญ่ของประเทศ ทำให้บริษัทก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ จนต่อมาก็เกิดเป็นบริการใหม่ ๆ ออกมาต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น “KakaoBank” ธนาคารออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย พร้อมทั้งขยายสู่ธุรกิจ “Kakao Pay” บริการชำระเงินดิจิทัลที่กลายเป็นผู้นำตลาดฟินเทคเกาหลีใต้ ตลอดจน “Kakao Entertainment” ผู้นำด้านความบันเทิงเจ้าของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลง อย่าง “Melon” ที่เป็นรายใหญ่ของเกาหลีใต้
ปัจจุบัน บริษัทต่าง ๆ ในเครือของ Kakao Corp. ก็ได้ IPO เข้าตลาดหุ้นเกาหลีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทแม่อย่าง Kakao Corp. ก็มีมูลค่าตามตลาดอยู่ที่ 17.92 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 12,434 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครองอันดับที่ 17 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้
รูปแบบการทำเงินของ Kakao ได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแพลตฟอร์มและคอนเทนต์ โดยรายได้จากทั้ง 2 ส่วนใกล้เคียงกัน โดยแพลตฟอร์มมีรายได้ที่ 1.05 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 728 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดสัดส่วนเป็น 54% ในขณะที่คอนเทนต์มีสัดส่วนที่ 46% ของรายได้ทั้งหมด ด้วยรายได้ที่ 9.1 แสนล้านวอน หรือประมาณ 631 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากแพลตฟอร์ม
รายได้จากคอนเทนต์
จากโมเดลธุรกิจที่ทำหลากหลายนี้ ส่งผลให้รายได้รวมของ Kakao Corp. สิ้นสุดปี 2024 อยู่ที่ 7.87 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 5,463 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า ติดอันดับ Top 20 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้
แม้ว่า Kakao จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาด้านกฎหมายและแรงกดดันจากภาครัฐหลายอย่าง โดยเฉพาะในประเด็น “การผูกขาด” ในบางตลาดในเกาหลีใต้ ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการละเมิดกฎการควบคุมการแข่งขันและการใช้ประโยชน์จากตำแหน่งที่แข็งแกร่งในตลาด
โดยเฉพาะในธุรกิจ KakaoTalk ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากและเป็นแพลตฟอร์มที่มีอำนาจในการกำหนดราคาหรือกำหนดแนวทางการให้บริการในหลาย ๆ ด้าน ตลอดจนการขยายตัวไปในธุรกิจอื่น ๆ อย่างเช่น KakaoBank, KakaoPay และ Kakao Mobility ซึ่งอาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องการผูกขาดในหลาย ๆ กลุ่มธุรกิจ
ความกังวลนี้ กลัวว่าจะเกิดการครอบงำตลาด อาจจำกัดการแข่งขันและมีผลกระทบต่อผู้บริโภค เนื่องจากมีการควบคุมการเข้าถึงบริการหรือการตั้งราคาที่ไม่เป็นธรรม
นอกจากนี้ในปี 2024 ทาง Kim Beom-su ก็ยังถูกจับกุมในข้อหาปั่นหุ้น จากการขอเข้าซื้อกิจการของ SM Entertainment (เนื่องจากปัจจุบัน Kakao คือผู้ถือหุ้นหลักของ SM) ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนำไปสู่การปรับโครงสร้างองค์กร
ในช่วงปลายปี 2023 ก็ได้มีการแต่งตั้ง Shina Chung (ชินา ชอง) ขึ้นเป็น CEO คนใหม่ ซึ่ง Shina Chung เป็นอดีตผู้บริหารของ Boston Consulting Group และ eBay ที่มีประสบการณ์ด้านกลยุทธ์องค์กร ตลอดจนถูกเลือกเข้ามาบริหารเพื่อช่วยจัดการกับปัญหาด้านกฎหมายที่บริษัทกำลังเผชิญอยู่
ที่มา: KakaoCorp, Vizologi, Reuters, Smartkarma, Investopedia, Forbes, TechinAsia
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney