ขึ้นชื่อว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งยุคใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครจริงๆ ออกแนวขบถและคิดนอกกรอบด้วยซ้ำ สำหรับ “เมลาเนีย ทรัมป์” อดีตซุปเปอร์โมเดลเชื้อสายสโลวีเนีย วัย 54 ปี ถูกลือสารพัดตั้งแต่ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ชนะเลือกตั้งในสมัยแรกจนถึงสมัยล่าสุด โดยลือหนักสุดว่าเฟิร์สต์เลดี้ทนความกราดเกรี้ยวเจ้าอารมณ์และเห็นแก่ตัวของสามีไม่ไหว ลุกขึ้นท้าหย่าปีละหลายรอบ เพื่อได้เป็นอิสระจากกรงทอง

...

ใครที่ใกล้ชิดกับ “เมลาเนีย ทรัมป์” จะรู้ดีว่า เธอไม่อยากให้สามีชนะเลือกตั้งมาตั้งแต่ต้น สมัยแรกที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 2016 เธอปล่อยโฮลั่นบ้าน เพราะไม่อยากย้ายเข้าไปอยู่ในทำเนียบขาว และไม่เคยนึกสนุกเลยที่ต้องทำหน้าที่เฟิร์สต์เลดี้ โดย “เมลาเนีย” ขอเวลาทำใจถึง 5 เดือนเต็ม กว่าจะเก็บกระเป๋าย้ายจากนิวยอร์กไปวอชิงตันดี.ซี. อ้างว่าต้องอยู่นิวยอร์กเพื่อดูแลเรื่องการเล่าเรียนของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “บาร์รอน ทรัมป์”

เรื่องหย่าของคู่รักทำเนียบขาวลือกันมาเป็นระยะๆ โดยอาการฟ้องจากท่าทางสะบัดสะบิ้งของฝ่ายหญิง ที่ไม่ยอมให้ฝ่ายชายโอบกอดและจับมือ แถมบ่อยครั้งยังปรากฏกายต่อหน้าสาธารณชนตามลำพังโดยไร้เงาสามี กระนั้น “เมลาเนีย” ปฏิเสธข่าวลือนี้มาตลอด แถมยืนยันว่าขาเตียงยังเสริมใยเหล็กแน่นหนาดี

“เมลาเนีย ทรัมป์” ไม่ใช่ผู้หญิงสวยใสไร้สมอง เธอสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนแรกที่มีพื้นเพมาจากการเป็นผู้อพยพที่ได้กรีนการ์ดเป็นพลเมืองของอเมริกา เฉกเช่นเดียวกับคุณแม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งก็เป็นผู้อพยพจากสกอตแลนด์

ชื่อเดิมของเธอคือ “เมลาเนีย คเนาส์” เกิดที่เมืองโนโว เมสโต ประเทศสโลวีเนีย ซึ่งยุคนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวีย คุณพ่อเป็นโชเฟอร์ขับรถ ที่หารายได้พิเศษจากการขายอะไหล่รถยนต์ให้กับโรงงานผลิตรถยนต์ของรัฐ ส่วนแม่เป็นช่างทำแพตเทิร์นเสื้อผ้าเด็ก วัยเด็กเธอเติบโตมาในอพาร์ตเมนต์ของพรรคคอมมิวนิสต์ และเป็นสาวโรงงานเหมือนพลเมืองทั่วไป มีโอกาสสัมผัสโลกแฟชั่นบ้างจากการเดินแบบแฟชั่นเสื้อผ้าเด็ก จุดประกายฝันให้อยากเป็นดีไซเนอร์ เธอร่ำเรียนด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ แต่ต้องลาออกกลางคัน หันมาทำงานเป็นนางแบบขณะอายุ 16 ปี โลดแล่นอยู่บนแคตวอล์กใหญ่ทั่วยุโรป ตั้งแต่ปารีสไปจนถึงมิลาน กระทั่งชีวิตพลิกผันเมื่อได้พบกับผู้อุปถัมภ์รายใหญ่อย่าง “เปาโล แซมโพลลี” เจ้าของเอเจนซีดัง “เมโทรโพลิแทน โมเดลส์” ชักชวนให้อพยพมาอยู่ที่อเมริกาในปี 1996 เพื่อต่อยอดอาชีพนางแบบ และเป็นกามเทพแผลงศรให้รู้จักกับเจ้าพ่ออสังหาฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในปี 1998 หลังจากนั้นไม่กี่ปีเธอก็ได้วีซ่าอยู่อย่างถาวร และได้รับสัญชาติอเมริกันในปี 2006

...

ในขณะที่กำลังไต่เต้าเป็นนางแบบแถวหน้า ได้ขึ้นปกแมกกาซีนดังเกือบทุกฉบับ “เมลาเนีย” ไปร่วมงานปาร์ตี้แฟชั่นวีกที่นิวยอร์ก และได้พบกับหนุ่มเพลย์บอยเนื้อหอมอย่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งเพิ่งเลิกรากับภรรยาคนที่สอง “มาร์ลา เมเปิลส์” ตอนนั้นเขาควงมากับทายาทเครื่องสำอางนอร์เวย์ และขอเบอร์ “เมลาเนีย” เอาดื้อๆ แต่เธอปฏิเสธไป ฝ่ายชายตามตื๊อไม่เลิก เธอจึงเป็นฝ่ายขอเบอร์ทรัมป์ และโทร.กลับไปหาหลังจากนั้นอาทิตย์หนึ่ง เพราะไม่อยากให้ทรัมป์มองว่าเป็นแค่ดอกไม้ริมทางได้ง่ายลืมง่าย ทั้งคู่รักๆเลิกๆออกเดตกันอยู่หลายปี ก่อนจะจูงมือเข้าประตูวิวาห์ในปี 2005 และให้กำเนิดลูกชายคนแรก “บาร์รอน ทรัมป์” ในปีถัดมา

...

ไม่ว่าใครจะกล่าวหาว่า “เมลาเนีย ทรัมป์” เป็นอย่างไร ทั้งก้าวร้าว, แทงข้างหลังเพื่อน, แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับลูกเลี้ยง และพยายามมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของทำเนียบขาว แต่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนนี้ก็ไม่เคยขาดตกบกพร่องในหน้าที่แม่ เธออุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับการเลี้ยงดูประคบประหงมลูกชายคนเดียว และมักจะอ้างกับสามีว่าไม่ขอไปออกงานด้วย เพราะต้องให้เวลากับลูกชาย ซึ่งก็โตขึ้นมาหล่อเนี้ยบมารยาทผู้ดีสมดังใจจริงๆ

...

งานอดิเรกของ “เมลาเนีย ทรัมป์” มีเพียงการอ่านนิตยสารและเล่นพิลาทิส เธอชอบใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในอาณาจักร “ทรัมป์ ทาวเวอร์” บนถนนฟิฟธ์ อเวนิว และใช้เวลาส่วนใหญ่ทุ่มเทให้กับธุรกิจส่วนตัว โดยเป็นเจ้าของแบรนด์จิวเวลรี และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของไข่ปลา สเตอร์เจียนฝรั่งเศสช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง “เมลาเนีย” ยอมปรากฏตัวบ่อยขึ้น โดยหวังว่าจะช่วยดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งหญิง ขณะที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” เชื่อมาตลอดว่าภรรยาซุปเปอร์โมเดลทำให้เขาดูมีออร่าของพลังทางเพศ เขามักตะโกนเรียกหาเธอว่า “ซุปเปอร์โมเดลของฉันอยู่ที่ไหน”

“เมลาเนีย ทรัมป์” มีจุดยืนของตัวเองชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไร เธอไม่ได้ย้ายเข้าทำเนียบขาวทันทีในปี 2016 และเดินทางมาถึงงานแยกต่างหากจาก “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” เสมอ อีกทั้งยังเลือกทำงานเฉพาะที่สนใจ โดยไม่ยอมเป็นเงาตามตัวคอยเสริมบารมีให้สามี เธอสนใจเรื่องเด็กและเยาวชน, หาเงินบริจาคเข้าโครงการการกุศล, ทุ่มเทให้กับโครงการบูรณะทำเนียบขาว, การปรับปรุงสวนกุหลาบ และการออกแบบพรมใหม่สำหรับห้องรับรองทางการทูต

แรกเริ่มเธอประกาศว่า จะไม่อาศัยอยู่ที่ทำเนียบขาวเต็มเวลาในช่วงวาระที่สองของการดำรงตำแหน่ง เช่นเดียวกับที่แสดงจุดยืนชัด โดยการปฏิเสธช่วยสามีเดินสายรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” อ้างว่า เขาชอบที่จะให้ภรรยาอยู่ห่างจากเส้นทางการหาเสียง เพราะมันน่ารังเกียจและใจร้ายมาก พร้อมกล่าวชื่นชมว่า เธอเป็นภรรยาที่ยอดเยี่ยม เธอมีโลกส่วนตัวสูง และเป็นคนที่มีความมั่นใจมาก ที่สำคัญเธอรักประเทศของเรามาก

รอยร้าวสำคัญที่ทำให้ “เมลาเนีย” ปฏิเสธการปรากฏตัวในที่สาธารณะกับสามี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหงุดหงิดใจกับพฤติกรรมเจ้าชู้ของสามี โดยเฉพาะตอนที่มีคดีความกับดาวโป๊ “สตอร์มมี แดเนียลส์” ก่อนการเลือกตั้งปี 2016 จน “โดนัลด์ ทรัมป์” ต้องจ่ายเงินก้อนโตเพื่อปิดปากไม่ให้ออกมาแฉถึงความสัมพันธ์ ซ้ำร้าย “โดนัลด์ ทรัมป์” ยังถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาปลอมแปลงบันทึกธุรกิจทั้งหมด 34 ข้อหา เพื่อปกปิดการชำระเงินให้ดาวโป๊คู่กรณี

ตลอดประวัติ ศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งมักเลือกชุดที่มีความหมายลึกซึ้งและสะท้อนถึงค่านิยมของพวกเขา “ลอร่า บุช” เลือกสวมชุดสีแดง เพื่อรณรงค์ให้ตระหนักถึงอันตรายของโรคหัวใจ ขณะที่ “มิเชล โอบามา” เลือกที่จะเน้นนักออกแบบหน้าใหม่จากภูมิหลังที่เป็นตัวแทนคนกลุ่มน้อย ส่วน “จิลล์ ไบเดน” ปรากฏตัวในงานรณรงค์หาเสียง โดยเลือกสวมรองเท้าบูตที่ประดับประดาด้วยคำว่าโหวต

เมื่อถึงคิวของ “เมลาเนีย ทรัมป์” เธอได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากเรื่องสไตล์แฟชั่นและการแต่งตัวที่ดูโก้หรูมีระดับถูกกาลเทศะเสมอ ยกเว้นตอนที่ใส่เสื้อแจ็กเกตโชว์ข้อความว่า “ฉันไม่สนใจจริงๆใช่ไหม” ระหว่างเดินทางไปเยี่ยมเด็กอพยพที่ชายแดน สหรัฐฯ-เม็กซิโกในปี 2018 เธอเขียนไว้ในบันทึกความทรงจำปี 2024 ว่า เลขานุการสื่อมวลชนไม่อยากให้ฉันชี้แจงข้อความบนเสื้อแจ็กเกตที่สื่ออ้างว่าเสื้อแจ็กเกตหมายความว่า ฉันไม่สนใจเด็กๆ หรือชายแดน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นความจริง

แม้จะเป็นธรรมเนียมที่ประธานาธิบดีที่พ้นตำแหน่งและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะต้องเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่ หลังจากพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวด แต่สำหรับ “โดนัลด์ ทรัมป์” และ “เมลาเนีย ทรัมป์” ทั้งคู่จงใจไม่ไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ “โจ ไบเดน” และเลือกที่จะจัดพิธีอำลาของตนเอง ณ ฐานทัพอากาศแอนดรูว์ ก่อนจะบินไปที่บ้านในปาล์มบีช

เมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” คว้าชัยชนะได้เป็นประธานาธิบดีสมัยสอง “เมลาเนีย” ปฏิเสธคำเชิญของ “จิลล์ ไบเดน” ให้ไปดื่มชาที่ทำเนียบขาว โดยอ้างว่าการจัดตารางเวลาขัดแย้งกับทัวร์โปรโมตหนังสือบันทึกความทรงจำของเธอ

ถึงแม้จะมีข่าวลือสะพัดว่า สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอาจจะไม่อาศัยอยู่ในทำเนียบขาวเต็มเวลาในช่วงวาระที่สองของสามี กระนั้น หนึ่งสัปดาห์ก่อนเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ “เมลาเนีย” ยืนกรานกับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ว่า ฉันจะอยู่ในทำเนียบขาว คุณก็รู้ว่าเมื่อฉันต้องการอยู่ในนิวยอร์ก ฉันจะอยู่ในนิวยอร์ก เมื่อฉันต้องการอยู่ในปาล์มบีช ฉันจะอยู่ในปาล์มบีช ความสำคัญอันดับแรกของฉันคือ การเป็นแม่, เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง, เป็นภรรยา และรับใช้ประเทศชาติ.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ